Skip to main content
sharethis

เริ่มแล้ว สปสช. จัดประชุมชี้แจงการร่วมเป็น “หน่วยบริการนวัตกรรมในระบบบัตรทอง” พร้อมเปิดรับสมัคร “สถานพยาบาล คลินิกต่างๆ และร้านยา” ใน กทม. ที่สนใจเข้าร่วม เตรียมเดินหน้า “ยกระดับ 30 บาท รักษาทุกโรค บัตรประชาชนใบเดียวรักษาที่หน่วยนวัตกรรมทุกแห่งในพื้นที่ กทม.”  ดูแลประชาชนใช้สิทธิบัตรทองในพื้นที่ เพิ่มความสะดวกเข้าถึงบริการ



29 พ.ค. 2567 ทีมสื่อ สปสช. แจ้งข่าวว่า ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) และคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับเขตพื้นที่ เขต 13 กรุงเทพมหานคร (อปสข. เขต 13 กทม.) เห็นชอบให้มีการขับเคลื่อน “ยกระดับ 30 บาท รักษาทุกโรค บัตรประชาชนใบเดียวรักษาที่หน่วยนวัตกรรมทุกแห่งในพื้นที่ กทม.” เพื่อดูแลประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) เข้าถึงสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) และเข้ารับบริการตามสิทธิประโยชน์บัตรทองฯ ได้โดยสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น  

ทั้งนี้ ในการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบาย สปสช. ได้ขับเคลื่อนด้วยการขยายเพิ่มเติมการรับบริการหน่วยบริการนวัตกรรมในพื้นที่ กทม. โดยในวันนี้ สปสช. จึงได้ดำเนินการจัด “ประชุมชี้แจงการเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” โดยให้ข้อมูลหลักเกณฑ์การดำเนินการ วิธีการ เงื่อนไขการเบิกจ่าย การเตรียมการบันทึกข้อมูลเพื่อขอรับค่าชดเชย การยืนยันตัวตน และแนวทางการขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการนวัตกรรม เป็นต้น ณ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการฯ  

ทพ.อรรถพร กล่าวต่อว่า พร้อมกันนี้ยังได้เปิดรับสมัครสถานพยาบาล คลินิกต่างๆ และร้านยา ที่สนใจเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมทั้ง 7 ประเภทกับ สปสช. ในคราวเดียวกัน ซึ่งสถานพยาบาลที่ สปสช. ชวนมาเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมนี้ประกอบด้วย คลินิกเวชกรรม คลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ คลินิกทันตกรรม คลินิกเทคนิคการแพทย์ คลินิกการแพทย์แผนไทย และคลินิกกายภาพบำบัด รวมถึง ร้านยา GPP+ร้านยาคุณภาพ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ สปสช. มาอำนวยความสะดวก

“ในวันนี้นอกจากฟังการชี้แจงข้อมูลการสมัครเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการจาก สปสช.แล้ว ยังมีผู้แทนสภาวิชาชีพสาขาต่างๆ มาร่วมให้ข้อมูล เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจกับหน่วยบริการที่สนใจมาร่วมดูแลผู้ใช้สิทธิบัตรทองฯ ใน กทม. ซึ่งการจัดบริการสำหรับผู้ใช้สิทธิบัตรทองที่หน่วยบริการนวัตกรรมนี้ เป็นความร่วมมือของ สปสช. กับสภาวิชาชีพต่างๆ ในการร่วมดูแลสุขภาพประชาชนภายใต้สิทธิบัตรทองมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการเข้าถึงบริการที่จำเป็นได้โดยสะดวก รวดเร็ว ลดค่าใช้จ่ายการเดินทาง และลดควาแออัดผู้ป่วยในโรงพยาบาล ขณะเดียวกันยังเป็นการแบ่งเบาภาระการดูแลผู้ป่วยของบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาล”  

ด้าน ทพญ.น้ำเพชร ตั้งยิ่งยง ผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเขต 13 กรุงเทพมหานคร (สปสช.เขต 13 กทม.) ว่า ในส่วนสถานพยาบาลและร้านยาที่สนใจเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการนวัตกรรม แต่ยังไม่พร้อมที่จะมาสมัครขึ้นทะเบียนกับ สปสช. ในวันนี้ สามารถสมัครผ่านระบบออนไลน์ได้เช่นกันตามลิงค์นี้  https://ossregister.nhso.go.th/#/public-portal สำหรับเอกสารที่ใช้สมัคร ได้แก่ ใบอนุญาตขายยาแผนปัจจุบัน (แบบ ข.ย.5) สำหรับร้านยา ส่วนสถานพยาบาลประเภทอื่นไม่ต้องใช้เนื่องจากเชื่อมโยงข้อมูลกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพแล้ว, หนังสือมอบอำนาจและเอกสารผู้รับมอบอำนาจ (กรณีมีมอบอำนาจ) บัญชีธนาคารพร้อมสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร (Book Bank) โดยชื่อบัญชีต้องตรงกับชื่อหน่วยบริการ หรือนิติบุคคล หรือชื่อผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล สพ.7 ทั้งนี้ การสมัครเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมนั้น ไม่ต้องวางหลักประกันสัญญา และจะมีการประกาศขึ้นทะเบียน และลงนามนิติกรรมภายใน 5 วันทำการ  

สมัครขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ One Stop Service ผ่านระบบออนไลน์ : https://ossregister.nhso.go.th/#/public-portal

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net