Skip to main content
sharethis

เลขาธิการ สปสช. นำทีม สปสช. เขต 13 กทม. ลงพื้นที่ เขตวังทองหลาง เยี่ยม “หน่วยบริการนวัตกรรม” ใน กทม. ร่วม “นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่” พร้อมติดตราสัญลักษณ์ใหม่ แจ้งจุดให้บริการ ประชาชนสังเกตได้สะดวก พร้อมยืนยันงบประมาณเพียงพอ คลินิก-ร้านยา ที่ลังเลร่วมให้บริการ มั่นใจได้



7 ก.ย. 2567 ทีมสื่อ สปสช. แจ้งว่า นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมด้วย พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการ สปสช. เขต 13 กรุงเทพมหานคร (กทม.) และคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่ไปยัง เขตวังทองหลาง กทม. เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา เพื่อตรวจเยี่ยมการให้บริการของหน่วยบริการนวัตกรรมตามนโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่” ซึ่งดำเนินการโดย คลินิกทันตกรรมฟินิกซ์ สันติรักษ์สหคลินิก และร้านยาสารพัด-ยา สาขาลาดพร้าว 112 พร้อมติดตราสัญลักษณ์ “30 บาทรักษาทุกที่” ซึ่งที่ร้านยาสารพัด-ยา ภก.ปรีชา พันธุ์ติเวช อุปนายกสภาเภสัชกรรม คนที่ 2 สภาเภสัชกรรม ร่วมตรวจเยี่ยมในครั้งนี้

นพ.จเด็จ กล่าวว่า การดำเนินนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ในพื้นที่ กทม. ขณะนี้กำลังเริ่มทยอยให้ติดตราสัญลักษณ์ “30 รักษาทุกที่ กรุงเทพมหานคร” กันมากขึ้น เพื่อเป็นสิ่งที่บ่งบอกให้กับประชาชนว่าหากพบเห็นสัญลักษณ์ดังกล่าวอยู่หน้าคลินิกเอกชน หรือร้านยาต่างๆ ใกล้บ้าน ท่านสามารถเข้ารับบริการได้ทันที เพียงแค่ใช้บัตรประชาชนใบเดียว หรือใช้แอปพลิเคชันที่สามารถยืนยันตัวตนได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ โดยในส่วนการเข้าร่วมของคลินิกเอกชนต่างๆ และร้านยาคุณภาพในพื้นที่ กทม. ก็เริ่มทยอยเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมเพิ่มมากขึ้นแล้ว เช่น คลินิกทันตกรรมที่ก่อนหน้านี้ เข้าร่วมเพียงหลักสิบแห่ง แต่ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณกว่า 150 แห่ง และยังมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะกติกาในการให้บริการและเบิกจ่ายกับทาง สปสช. เองก็มีความชัดเจนขึ้น จึงทำให้คลินิกมีความมั่นใจ
         
นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า สำหรับคลินิก หรือร้านยาที่ยังไม่มั่นใจในเรื่องงบประมาณว่าจะเพียงพอหรือไม่ อยากยืนยันว่า งบประมาณไม่มีปัญหาใดๆ และในส่วนงบประมาณสำหรับการให้บริการภายใต้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ เป็นส่วนที่ สปสช. ได้รับการจัดสรรเพิ่มเติมมา และแยกต่างหากไว้โดยเฉพาะ ดังนั้นจึงอยากให้มั่นใจเรื่องนี้
         
“สปสช. ขอเชิญชวนคลินิกเอกชนต่างๆ และร้านยาคุณภาพเข้าร่วมกันให้มากขึ้น เพราะสภาพการเดินทางไปโรงพยาบาลใน กทม. บางพื้นที่ เช่น พื้นที่วันนี้เข้าถึงได้ลำบาก เนื่องด้วยพื้นที่มีความแออัดเข้าออกได้ยาก แต่หากมีคลินิกหรือร้านยาที่ร่วม 30 บาทรักษาทุกที่ ให้แวะไปหาก่อนได้ ก็จะลดภาระการเดินทางของประชาชนได้อย่างมาก” เลขาธิการ สปสช. กล่าว

นายทีราทัต อารีย์ คลินิกทันตกรรมฟินิกซ์ เปิดเผยว่า แม้คลินิกฯ จะเพิ่งเปิดรับประชาชนสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ กทม. เมื่อไม่นานมานี้ แต่ขณะนี้ทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ เริ่มรับรู้แล้วว่าสามารถรับบริการทันตกรรมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่คลินิกฯ จากการบอกต่อกันปากต่อปาก จนทำให้มีผู้มารับบริการเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยปัจจุบันเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ประมาณ 20 - 30 คน
         
นอกจากนี้ ทางคลินิกยังมีรถทันตกรรมที่ร่วมกับ ทาง สปสช. ในการให้บริการเชิงรุกในโรงเรียนอีกด้วย ซึ่งมีความสะดวกเข้าถึงได้ง่าย และคุณภาพมาตรฐานไม่มีความแตกต่างจากที่การไปรับบริการที่คลินิก
         
อย่างไรก็ดีเชื่อว่าการที่ทางคลินิกฯ เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการนวัตกรรม กับ สปสช. ในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างมาก ทั้งการช่วยให้ประชาชนไม่ต้องไปรอคอยที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน และลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วย เพราะในพื้นที่นี้หากไม่มีคลินิกทันตกรรมเอกชนเข้าร่วมให้บริการ หรือการให้บริการรถทันตกรรมในโรงเรียน การเข้าถึงดูแลรักษาสุขภาพช่องปากของประชาชนจะทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากจะต้องไปรับบริการที่โรงพยาบาลเพียงเท่านั้น ซึ่งอาจทำให้ต้องรอคิวนานได้
         
“อยากให้ทุกๆ คลินิกเข้าร่วมโครงการนี้กันเยอะๆ เนื่องด้วยเป็นโอกาสที่ดี เพราะทางคลินิกไม่เสียอะไรเลยมีแต่ได้ รวมทั้งประชาชนยังเข้าถึงบริการได้สะดวกอีกด้วย” นายทีราทัต กล่าว

ด้าน ภกญ.นิศาชล มูฮำหมัด เภสัชกรประจำร้านยา สารพัด-ยา สาขาลาดพร้าว 112  กล่าวว่า ตั้งแต่ทางร้านยาเข้าร่วมให้บริการภายใต้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่นั้น มีผู้มาใช้บริการต่อวันเพิ่มขึ้นพอสมควร โดยอยู่ที่ประมาณ 15 - 20 คน และถ้าหากรวมทั้งหมดมีการให้บริการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยกับประชาชนสิทธิบัตรทองแล้วกว่า 260 คน
         
“ผลตอบรับจากประชาชนที่มาใช้บริการที่ร้านยาพบว่าพวกเขาพึ่งพอใจอย่างมาก จึงอยากเป็นตัวแทนของประชาชนขอบคุณ ณ ที่นี้ ร่วมทั้งขอเชิญชวนให้ร้านยาอื่นๆ เข้าร่วมเป็นหน่วยนวัตกรรมกันมากขึ้น เพราะลดภาระค่าใช้จ่าย และ ทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการด้านการรักษาสะดวกมากยิ่งขึ้น” ภกญ.นิศาชล ระบุ

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net