Skip to main content
sharethis

เอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ ชวน สปสช. รุกแนะนำ “คนไทยสิทธิบัตรทองในสิงคโปร์” พบแพทย์ไทยผ่านออนไลน์กับ “4 แอปฯ สุขภาพ” ในระบบบัตรทอง 30 บาท  ช่วยเข้าถึงบริการ สะดวก ไม่ยุ่งยาก  ปรึกษาปัญหาสุขภาพไม่เสียค่าใช้จ่าย ช่วยลดปัญหาการเข้าถึงการรักษา ทั้งค่าใช้จ่าย สื่อสารภาษาไม่ถนัด และรอคิวนาน



1 ก.ย. 2567 ทีมสื่อ สปสช. แจ้งข่าวว่า ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตามที่ สปสช. ได้มีการดำเนินการสิทธิประโยชน์ “บริการเพื่อดูแลคนไทยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท ในต่างประเทศผ่าน “ระบบบริการการแพทย์ทางไกล” หรือ โทรเวชกรรม (Telemedicine) โดยได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. 2567 ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์แห่ง พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ในการดูแลคนไทยให้เข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็นได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง 
        
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการดูแลคนไทยที่อยู่ในประเทศสิงคโปร์ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 20,000 คน รวมถึงแรงงานไทยในสิงคโปร์ ให้สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้อย่างทั่วถึง พร้อมกับลดค่าใช้จ่ายลดภาระค่าใช้จ่ายและอุปสรรคด้านการสื่อสาร นางอุรีรัชต์ เจริญโต เอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ ได้เชิญ คณะ สปสช. ไปให้ข้อมูลสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ “บัตรทอง 30 บาท” พร้อมให้คำแนะนำการใช้สิทธิเพื่อเข้ารับบริการดูแลสุขภาพด้วย “ระบบบริการการแพทย์ทางไกล” ผ่านแอปพลิเคชันสุขภาพที่ร่วมขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการกับ สปสช. เมื่อวันที่ 17-18 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา นำโดยตน พร้อมด้วยนางปิยพร ปิยะจันทร์ ผู้อำนวยการกลุ่มภารกิจสนับสนุนการเข้าถึงบริการปฐมภูมิและการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค และ พ.ท. ทพ.ธนศักดิ์ ถัมภ์บรรฑุ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ร่วมเดินทางไปครั้งนี้      
        
ทพ.อรรถพร กล่าวต่อว่า ในครั้งนี้จากที่ได้พบปะกับอาสาสมัครแรงงานไทย (อสร.) กลุ่มต่างๆ พร้อมกันนี้ยังได้สำรวจข้อมูลพื้นฐานด้านสุขภาพ อสร. จำนวน 54 คน ผ่าน Google Form พบว่า กว่าร้อยละ 60 ของผู้ตอบแบบสอบถามนี้มีอายุเกิน 50 ปี ในจำนวนนี้ ร้อยละ 40 เป็นแรงงานทั่วไป ร้อยละ 17 เป็นแม่บ้าน และอีกร้อยละ 9.3 เป็นคนงานก่อสร้าง โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา 3 ใน 4 ของ อสร. ผู้ตอบแบบสอบถาม เคยมีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย อาทิ เคล็ดขัดยอกกล้ามเนื้อ มึนงง ปวดศีรษะ มีไข้ บ้านหมุน ปวดหลังส่วนล่าง และปวดท้อง เป็นต้น

นอกจากนี้ จากการสำรวจข้อมูลหลักประกันสุขภาพ พบว่ามี อสร. เพียงร้อยละ 61 ที่มีประกันสุขภาพเท่านั้น ส่วนอีกร้อยละ 39 ไม่มีประกันสุขภาพใดๆ ซึ่งเมื่อเวลาเจ็บป่วยก็จะไปรับบริการที่คลินิกระแวกใกล้บ้าน โดยเมื่อถามถึงค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ พบว่าร้อยละ 65 ระบุว่ามีค่าใช้จ่ายไม่เกินร้อยละ 10 ของรายได้ ส่วนร้อยละ 13 ตอบว่าค่าใช้จ่ายสุขภาพอยู่ที่ร้อยละ 20-30 ของรายได้ที่รับมา ขณะที่มี อสร. ร้อยละ 39 ให้ข้อมูลว่าเคยมีภาวะเจ็บป่วยที่ต้องการพบแพทย์ แต่กลับไม่ได้ไปด้วยเหตุผลกลัวค่าใช้จ่ายแพง ส่วนอีกร้อยละ 63.6 ตอบว่าพูดคุยกับแพทย์ไม่รู้เรื่องด้วยอุปสรรคด้านภาษา และอีกร้อยละ 13.6 ให้ข้อมูลว่าคิวยาว เข้าไม่ถึงบริการ อย่างไรก็ดี เมื่อสอบถามถึงสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ อสร. ร้อยละ 78 รู้ว่าตนเองสิทธินี้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่สามารถใช้สิทธิบัตรทองฯ เข้ารับบริการสิทธิประโยชน์ระบบการแพทย์ทางไกลได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ  นอกจากนี้ กลุ่ม อสร. ยังได้ให้ความเห็นต่อระบบบริการการแพทย์ทางไกลว่า ในฐานะคนไทยในต่างแดน อยากได้บริการสุขภาพจิตทาง Telemedicine เพิ่ม เนื่องจากอาจพบปัญหาการอยู่ร่วมกับผู้คนต่างวัฒนธรรม ความเครียด การทำงานหนัก และอยู่ห่างจากสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย

“ในครั้งนี้ยังได้แนะนำการติดตั้งแอปพลิเคชันสุขภาพที่สามารถใช้ระบบบริการการแพทย์ทางไกลด้วยสิทธิบัตรทองได้ รวมถึงวิธีการรับบริการที่ทำได้ง่าย สะดวก ไม่ยุ่งยาก นับเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพคนไทยแม้จะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยได้เข้าถึงบริการดูแลสุขภาพ ช่วยให้คนไทยอุ่นใจแม้อยู่ต่างประเทศ งานนี้เกิดขึ้นได้เพราะด้วยท่านเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ ที่ใส่ใจการดูแลคุณภาพชีวิตให้กับคนไทยในสิงคโปร์” เลขาธิการ สปสช. กล่าว   

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net