Skip to main content
sharethis

องค์การสหประชาชาติส่งหนังสือถึงรัฐบาลไทย ระบุผู้รายงานพิเศษฯ รู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่งกับโทษจำคุก 50 ปี ข้อหา ม.112 ในคดีของบัสบาส

31 พ.ค. 2567 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ที่ผ่านมา กลไกพิเศษแห่งองค์การสหประชาชาติ หรือ UN Special Procedures โดยผู้รายงานพิเศษฯ หลายด้านร่วมกันส่งหนังสือ (Joint Allegation Letter) ถึงรัฐบาลไทยแสดงความกังวลเป็นอย่างยิ่ง เกี่ยวกับการลงโทษจำคุก 50 ปี ในคดีของบัสบาส มงคล ถิระโคตร ภายใต้ประมวกฎหมายอาญา มาตรา 112

กลไกการติดตามสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับกฎหมาย ม.112 ของประมวลกฎหมายอาญาไทยมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งหนังสือร่วมของผู้รายงานพิเศษฯ เกี่ยวกับกรณีของบัสบาสเป็นการสื่อสารครั้งที่ 9 ที่กลไกพิเศษของสหประชาชาติได้ส่งให้รัฐบาลไทย นับตั้งแต่ปี  2563

“พวกเรารู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อโทษจำคุก 50 ปีของคุณถิระโคตร ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็น การตอบโต้ต่อกิจกรรมทางการเมืองในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ของเขา รวมไปถึงการที่เขาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ไทย เรากังวลกับสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นรูปแบบการคุกคามและการกลั่นแกล้งอย่างเป็นระบบ อันเนื่องมาจากการที่เขาใช้สิทธิในการชุมนุมอย่างสงบทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ และการใช้สิทธิในการแสดงความคิดเห็นของเขา เรายังกังวลว่าในขณะนี้คุณถิระโคตร ยังมีคดีที่สามที่กำลังรอการพิจารณาอยู่ ซึ่งอาจมีโทษหนักอีกด้วย”

กลไกพิเศษของ UN กล่าวว่า โทษจำคุก 50 ปีของบัสบาสเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงถึง การที่รัฐบาลไทย ใช้มาตรา 112 ในทางที่ผิด (abuse) โดยกีดกันและปิดปาก (deter and silence)  นักวิจารณ์ ศัตรูทางการเมือง นักข่าว ภาคประชาสังคม นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และบุคคลที่ต้องการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นสาธารณะ รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์

หนังสือได้แสดงความกังวลอีกว่า ข้อกล่าวหาต่อบัสบาสมีรูปแบบจัดการที่เป็นระบบต่อผู้ที่เห็นต่าง ซึ่งมีลักษณะทั้งการกักขังโดยพลการและการดำเนินคดีทางกฎหมาย

“การลงโทษที่สูงอย่างมากต่อคุณถิระโคตร สร้างบรรยากาศให้ผู้คนระหวาดระแวงว่าสามารถใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการแสดงออกทางการเมือง รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์”

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2567 ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้พิพากษา ในคดีของบัสบาส พ่อค้าขายเสื้อผ้าออนไลน์และนักกิจกรรมในจังหวัดเชียงรายวัย 30 ปี ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากการโพสต์เฟซบุ๊กรวม 27 โพสต์ เมื่อช่วง มี.ค. และ เม.ย. 2564 ผิด 14 กระทง และศาลยังเห็นว่า บัสบาส มีความผิดในอีก 11 กระทง ในคดีที่ก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นยกฟ้องแล้ว โดยลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษลงหนึ่งในสาม เหลือจำคุกกระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 22 ปี เมื่อรวมกับโทษจำคุก 28 ปี ในอีก 14 กระทงก่อนหน้านี้ บัสบาสจึงต้องรับโทษจำคุกรวม 50 ปี

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net