Skip to main content
sharethis

ทหารของอิสราเอลเปิดเผยต่อสื่ออิสราเอลว่า เหตุการณ์โจมตีฮามาสที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้วนั้น พวกเขาได้รับคำสั่งที่เรียกว่า 'ฮันนิบาล ไดเร็คทีฟ' ที่อนุญาตให้ปฏิบัติการแบบไม่สนใจความปลอดภัยของตัวประกันหรือพลเรือนของตัวเอง

14 ก.ค. 2567 สื่ออิสราเอล ฮาเร็ตซ์ รายงานว่ากองทัพอิสราเอลได้นำแนวทางปฏิบัติการที่เรียกว่า "ฮันนิบาล ไดเร็คทีฟ" มาใช้ในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566 ซึ่งเป็นวันที่กลุ่มฮามาสนำการโจมตีประชาชนชาวอิสราเอล สาเหตุที่อิสราเอลประกาศใช้แนวทางปฏิบัติการดังกล่าวนี้เพื่อพยายามป้องกันไม่ให้มีการลักพาตัวทหารอิสราเอล โดยยอมแลกกับการต้องทำให้ชีวิตของตัวประกันและพลเรือนต้องอยู่ในความเสี่ยง

ข้อมูลที่สื่อรวบรวมจากเอกสาร การสัมภาษณ์ทหาร และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอล ทำให้ฮาเร็ตซ์ สืบทราบว่าคำสั่งฮันนิบาล ซึ่งเป็นคำสั่งที่พัฒนาขึ้นเมื่อปี 2529 ระบุให้มีการ "สั่งการใช้กำลังเพื่อป้องกันทหารไม่ให้ถูกจับตัวไปเป็นเชลย" โดยกองกำลังข้าศึก ในกรณีเมื่อเดือน ต.ค. 2566 คำสั่งนี้ถูกนำมาใช้กับ "สถานที่ของกองทัพ 3 แห่ง ที่ถูกแทรกซึมโดยฮามาส ซึ่งเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่อพลเรือนด้วยเช่นกัน"

ฮาเร็ตซ์ระบุว่าในช่วงไม่กี่ชั่วโมงแรกที่มีการโจมตีนำโดยฮามาส ทหารอิสราเอลได้รับคำสั่งว่า "อย่าให้มียานพาหนะแม้แต่คันเดียวกลับเข้าไปที่กาซ่า"

ฮาเร็ตซ์ระบุว่า "ณ เวลานั้น IDF (กองทัพอิสราเอล) ไม่ได้รับรู้ว่าการลักพาตัวที่เกิดขึ้นตามชายแดนฉนวนกาซ่าเกิดขึ้นมากแค่ไหน แต่พวกเขารับรู้ว่ามีผู้คนจำนวนมากที่เกี่ยวข้อง ... ดังนั้นแล้วมันจึงเห็นได้ชัดเจนว่าข้อความข้างต้นหมายความว่าอย่างไร และชะตากรรมของผู้คนที่ถูกลักพาตัวจะเป็นเช่นไร"

ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการเผยแพร่เอกสาร "ฮันนิบาล ไดเร็กทีฟ" ฉบับเต็ม แต่ฮาเร็ตซ์ก็รายงานส่วนหนึ่งของเอกสารคำสั่งฉบับนี้ว่า "ในช่วงที่มีการลักพาตัว ภารกิจหลักคือการช่วยเหลือทหารของพวกเราจากผู้ลักพาตัว ถึงแม้ว่าจะต้องแลกด้วยการทำร้ายหรือทำให้ทหารของพวกเราได้รับบาดเจ็บก็ตาม"

ส่วนหนึ่งของเอกสารแนวทางปฏิบัติการของอิสราเอลระบุอีกว่า "การยิงอาวุธเบาควรจะใช้เพื่อทำให้พวกลักพาตัวหมอบลงหรือหยุดพวกเขาไว้ ... ถ้าหากว่ายานพาหนะหรือผู้ลักพาตัวไม่ยอมหยุด ก็ควรจะมีการเล็งยิง (สไนเปอร์) นัดเดียวไปที่พวกเขาอย่างจงใจ เพื่อที่จะยิงโดนคนจับเชลย ถึงแม้ว่ามันจะหมายถึงการยิงโดนทหารของพวกเราเองก็ตาม ไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตามแต่ ทุกอย่างจะต้องกระทำเพื่อหยุดยานพาหนะนั้นและไม่ปล่อยให้มันหนีไปได้"

ทางการอิสราเอลเคยแถลงยอมรับว่ามี "เหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่ทหารของพวกเรายิงใส่ทหารฝ่ายพวกเราเอง" ในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566 และต่อมา เมื่อเดือน เม.ย. 2567 กองทัพอิสราเอลก็เปิดเผยว่ามีตัวประกันรายหนึ่งที่ถูกจับโดยกองกำลังฮามาสช่วงที่มีการโจมตีเดือน ต.ค. น่าจะถูกสังหารโดยกระสุนของเฮลิคอปเตอร์ฝ่ายอิสราเอล

แต่กองทัพอิสราเอลซึ่งสังหารผู้คนมากกว่า 38,000 รายในกาซ่านับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. เป็นต้นมา ได้ปฏิเสธที่จะบอกว่ามีการใช้คำสั่งฮันนิบาลในช่วงที่เกิดเหตุโจมตีโดยฮามาสหรือไม่

ฮาเร็ตซ์เน้นย้ำว่าพวกเขาไม่ทราบว่ามีพลเรือนและทหารถูกยิงเพราะแนวทางปฏิบัติการดังกล่าวนี้มากน้อยเพียงใด แต่จากข้อมูลที่รวบรวมมาได้บ่งชี้ว่ามีคนที่ถูกลักพาตัวจำนวนมากตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกยิงจากฝ่ายอิสราเอลถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่เป้าหมายก็ตาม

ครั้งแรกที่ทราบว่ามีการใช้ฮันนิบาลไดเร็กทีฟเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมานั้นคือ "ตอนที่หอสังเกตการณ์ที่ค่ายทหารยิฟตาห์รายงานว่ามีบางคนที่ถูกจับตัวไปตรงด่านข้ามชายแดนอิเรซใกล้กับสำนักงานประสานงานของกองทัพอิสราเอล"

สื่อฮาเร็ตซ์รายงานถีงเหตุการณ์ในตอนนั้นว่า ศูนย์บัญชาการกองพลได้ออกคำสั่งว่า "ใช้(คำสั่ง)ฮันนิบาลกับที่อิเรซ" และ "ส่ง Zik ไป" ซึ่ง Zik คือโดรนโจมตีแบบไม่มีคนขับ ฮาเร็ตซ์ระบุว่าความหมายของคำสั่งเหล่านี้มีความชัดเจน

ฮาเร็ตซ์ระบุโดยอ้างอิงแหล่งข่าวนิรนามจากศูนย์บัญชาการตอนใต้ของอิสราเอลว่า มีการใช้คำสั่งฮันนิบาลนี้อีกอย่างน้อย 2 ครั้ง ในช่วงที่เกิดเหตุโจมตี โดยที่ทหารกองทัพอิสราเอลได้รับคำสั่งให้ "เปลี่ยนพื้นที่บริเวณรอบรั้วกั้นพรมแดนให้กลายเป็นเขตสังหารปิดกั้นไม่ให้ไปทางตะวันตกได้"

สื่อแหล่งอื่นๆ อย่างนิตยสาร +972 และ โลคัลคอลล์ รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวทหารอิสราเอล 6 นาย ว่า ทหารอิสราเอลในกาซ่าได้รับคำสั่งให้ยิงโจมตีได้ "โดยไม่มีข้อจำกัด" และอนุญาตให้โจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือนใดๆ ก็ได้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก แม้กระทั่งว่าจะเป็นแค่การโจมตีที่มาจาก "การระบายความโกรธ หรือการแก้เบื่อจากกิจวัตรประจำวัน(ของทหาร)"

นอกจากนี้แล้วยังมีข้อวิจารณ์จากสื่อฮาเร็ตซ์ว่าปฏิบัติการของกองทัพอิสราเอลที่กาซ่าและการโจมตีทางอากาศในช่วงชั่วโมงแรกๆ ของเหตุการณ์ 7 ต.ค. 2566 นั้น เป็นการตัดสินใจด้วยข้อมูลที่มีไม่เพียงพอ จากสภาพการณ์ช่วงแรกๆ ที่ฮามาสก่อเหตุโจมตีซึ่งมีความโกลาหลและมีความไม่ชัดเจนในเรื่องการข่าว

"มันมีความบ้าคลั่งเกิดขึ้น ด้วยการตัดสินใจโดยไม่ได้อาศัยข้อมูลที่ได้รับการพิสูจน์ยืนยันข้อเท็จจริงใดๆ เลย" เจ้าหน้าที่ทหารรายหนึ่งกล่าวต่อสื่อฮาเร็ตซ์


เรียบเรียงจาก
Israeli Newspaper Confirms IDF Employed 'Hannibal Directive' on October 7, Common Dreams, 07-07-2024
IDF Gave Orders to Kill Fellow IDF Soldiers on October 7, Israeli Outlet Reports, Truthout, 08-07-2024
IDF Ordered Hannibal Directive on October 7 to Prevent Hamas Taking Soldiers Captive, Haaretz, 07-07-2024
 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net