'ไบเดน' ประกาศถอนตัว 4 เดือนก่อนศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2567 หลังเผชิญกระแสกดดันภายในพรรคเดโมแครต พร้อมดัน 'กมลา แฮร์ริส' เป็นตัวแทนพรรค ชิงตำแหน่ง ปธน.

22 ก.ค. 2567 สื่อต่างชาติ อัลจาซีรา รายงานวันนี้ (22 ก.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 1.21 น. โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนที่ 46 อายุ 81 ปี ได้ประกาศบนพื้นที่โซเชียลมีเดีย 'X' เมื่อเวลาประมาณ 00.46 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ขอถอนตัวจากศึกชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2567 และจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่เหลือ

"นับเป็นเกียรติอย่างถึงที่สุดในชีวิตของผมที่ได้ทำงานรับใช้ในฐานะประธานาธิบดีของพวกคุณ (ผู้สื่อข่าว - ชาวอเมริกัน) ขณะที่ผมพยายามที่จะลงสมัครเลือกตั้งอีกครั้ง ผมเชื่อว่าผลประโยชน์ที่ดีที่สุดของทั้งพรรคและประเทศของผมคือการถอนตัว (ผู้สื่อข่าว - จากการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี) และมุ่งมั่งทำหน้าที่ในฐานะประธานาธิบดีที่ยังเหลืออยู่ในวาระของผม" จดหมายของไบเดน ระบุ และกล่าวด้วยว่า เขาจะพูดถึงรายละเอียดและเหตุผลของการตัดสินใจครั้งนี้ในภายหลัง

pic.twitter.com/RMIRvlSOYw

— Joe Biden (@JoeBiden) July 21, 2024

สื่ออัลจาซีรา ระบุต่อว่า การประกาศถอนตัวเกิดขึ้นของประธานาธิบดีที่มีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากภายในพรรคเดโมแครต โดยสมาชิกสภาคองเกรสกว่า 30 คน เรียกร้องในพื้นที่สาธารณะให้ไบเดน ถอนตัวจากการลงชิงชัยศึกเลือกตั้งที่จะถึงนี้

บุคคลสำคัญอื่นๆ รวมถึง แนนซี โพเลซี อดีตโฆษกทำเนียบรัฐบาล ถูกรายงานว่า เบื้องหลัง เธอเรียกร้องให้ โจ ไบเดน ยอมถอนตัวจากการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี สมัยที่ 2 เช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ สื่อเดอะการ์เดียน เปิดเผยด้วยว่า ผลสำรวจความคิดเห็นจากเอบีซีนิวส์ และอิบสอซ (Ipsos) เผยแพร่เมื่อวานนี้ (21 ก.ค.) ระบุว่า ผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ มองว่าโจ ไบเดน ควรถอนตัวจากการสู้ศึกเลือกตั้ง

ประเด็นการเรียกร้องให้ไบเดน ในวัย 81 ปี ถอนตัว สืบเนื่องจากผลงานที่ไม่ค่อยดีนักในการอภิปรายดีเบตศึกเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ประจำปี 2024 (พ.ศ. 2567) ครั้งแรก ซึ่งเขาถูกวิจารณ์ว่าพูดจาสับสน และดิ้นรนในการพยายามพูดในประเด็นพื้นฐานต่างๆ

ผลกระทบหลังประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐฯ ถอนตัว ทำให้พรรคเดโมแครตอยู่ในภาวะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราพรรคเหลือเวลาเพียง 1 เดือนก่อนการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครต ที่เมืองชิคาโก โดยจะต้องมีการเลือกผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของพรรค และพวกเขาจะมีเวลาน้อยกว่า 4 เดือนในการเตรียมตัวก่อนถึงการเลือกตั้งวันที่ 5 พ.ย.นี้

'ไบเดน' ประกาศหนุน 'แฮร์ริส' เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่ง ปธน.

เมื่อเวลาประมาณ 1.19 น.ตามเวลาท้องถิ่น เฟซบุ๊ก Joe Biden ได้โพสต์ข้อความว่า ถึงพรรคเดโมแครต ผมได้ตัดสินใจไม่รับเป็นตัวแทนลงสมัครเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และอยากจะใช้พลังในการทำหน้าที่ประธานาธิบดีที่เหลืออยู่จนครบวาระ การตัดสินใจครั้งแรกในฐานะผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคในปี 2563 คือการเลือกกมลา แฮร์ริส เป็นรองประธานาธิบดี และเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดที่ผมเคยได้ทำมา วันนี้ผมอยากสนับสนุนและรับรองกมลา แฮร์ริส เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปีนี้ (2567) เดโมแครต นี่เป็นเวลาที่เราต้องรวมพลัง เพื่อเอาชนะโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกกัน 

ด้านกมลา แฮร์ริส กล่าวในแถลงการณ์ครั้งแรกหลังไบเดน ยุติการลงชิงตำแหน่ง ปธน.สหรัฐฯ ว่า เธอรู้สึกเป็นเกียรติ ที่ได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดี ไบเดน และตั้งใจที่จะทำและชนะในการเป็นตัวแทนพรรคชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 

"ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการรับรองจากประธานาธิบดี และความตั้งใจของฉันคือการได้รับและชนะในการได้รับเสนอชื่อเป็นตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งนี้" แถลงการณ์กล่าว

แถลงการณ์กล่าวด้วยว่า การหาเสียงจากฝั่งของไบเดน และแฮร์ริส ไม่ใช่จากทำเนียบขาว

แฮร์ริส ให้คำมั่นด้วยว่า เธอจะทำทุกอย่างในอำนาจเพื่อรวมพรรคเดโมแครตเข้าด้วยกัน และรวมประเทศของเรา เพื่อเอาชนะทรัมป์ และโครงการนโยบายสุดโต่งในปี 2568 ของเขา

นอกจากนี้ แฮร์ริสได้ขอบคุณและกล่าวชื่นชมไบเดน สำหรับการทำหน้าที่ ปธน. และยกย่องในสิ่งที่ไบเดนได้ทำเอาไว้ และรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำงานเคียงข้างเขา 

"เป็นการกระทำที่ไม่มีความเห็นแก่ตัว และรักชาติ ประธานาธิบดีไบเดน กำลังทำสิ่งที่เขาทำมาตลอดชีวิตการเป็นประธานาธิบดีคือการให้ความสำคัญกับประชาชนอเมริกันและประเทศของเราเหนือสิ่งอื่นใด

"รวมกัน เราจะสู้ และรวมกัน เราจะชนะ" แฮร์ริส ระบุ

นอกจากไบเดนแล้ว CNN ระบุว่ามีนักการเมืองชั้นนำจากพรรคเดโมแครต ประสานเสียงให้การสนับสนุน แฮร์ริส เช่นกัน ยกตัวอย่าง บิล และฮิลลารี คลินตัน รวมถึงวุฒิสมาชิก อลิซาเบธ วาร์เรน จากรัฐแมสซาชูเซตต์ ออกมาสนับสนุนแฮร์ริส และกล่าวถึงเธอว่า นักสู้ที่ได้พิสูจน์ตัวตน ผู้ซึ่งเป็นผู้นำชาติในเรื่องการปกป้องผู้บริโภค และการเข้าถึงสิทธิการทำแท้ง

คอรี บุช สส.จากมิสซูรี กล่าวถึงแฮร์ริส นั้นมากกว่าพร้อมที่จะเป็นผู้นำในช่วงเวลานี้

"เราตั้งตารอที่จะถึงเดือน พ.ย.นี้ มันชัดเจนสำหรับฉันแล้วว่า รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส มีวิสัยทัศน์ที่จะสานต่อมรดกนี้ไปข้างหน้า เอาชนะโดนัลด์ ทรัมป์ และฉันจะให้การรับรองเธอในการเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ" บุช กล่าว

ด้าน สส. อดัม ชิฟ ผู้ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคเดโมแครต รับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ จากแคลิฟอร์เนีย ได้กล่าวสนับสนุนแฮร์ริส ในฐานะตัวแทนพรรคเดโมแครต ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2567  

"ผมตื่นเต้นที่จะให้การสนับสนุนแฮร์ริส สำหรับการเป็นประธานาธิบดี และให้การสนับสนุนเธออย่างเต็มที่" เขาเขียนใน X

ชิฟ เป็นหนึ่งในสมาชิกพรรคเดโมแครต ที่เรียกร้องให้ไบเดน ถอนตัวจากการสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี และได้กล่าวชื่นชมการตัดสินใจของไบเดน ครั้งนี้

เว็บไซต์สื่อ CNN เผยว่า หากกมลาแฮร์ริส ได้เป็นประธานาธิบดี หลังการเลือกตั้ง พ.ย.ที่จะถึงนี้ เธอจะสร้างประวัติศาสตร์กลายเป็น ปธน.หญิงผิวดำ และชาวเอเชียอเมริกันคนแรกของประเทศสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า กมลา แฮร์ริส จะได้รับการหนุนหลังจากประธานาธิบดีไบเดน แต่ยังไม่ชัดเจนว่า แฮร์ริส จะได้เป็นตัวแทนพรรคชิงตำแหน่งประธานาธิบดีหรือไม่ หรือจะมีกระบวนการทางเลือกอื่นๆ การลงคะแนนเลือกผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแบบ virtual roll call ซึ่งมีการวางแผนเบื้องต้นว่าจะจัดต้นเดือน ส.ค.นี้ รวมถึงจะรอไปที่การประชุมใหญ่ของพรรคในวันที่ 19 ส.ค. โดยผู้แทนพรรคจะเลือกตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดี

โดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อ CNN โดยได้ออกมาให้ความเห็นหลังการลาออกของไบเดนว่า เป็นประธานาธิบดีที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ จนถึงตอนนี้ และเขาเชื่อว่าจะสามารถเอาชนะกมลา แฮร์ริส ได้ง่ายกว่าไบเดน