Skip to main content
sharethis

ประชาชนร่วมให้กำลังใจ “ก้าวไกล” ถึงพรรค สะท้อนกังวลคำตัดสินว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่อยากให้ยุบพรรค ขอให้ศาลยังมีความยุติธรรมตัดสินตามหลักการในระบอบประชาธิปไตย

7 ส.ค.2567 ที่ทำการพรรคก้าวไกล ซอยหัวหมาก 12 เขตหัวหมาก มีประชาชนทยอยเดินทางเพื่อมาให้กำลังใจพรรคก้าวไกล ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นยุบพรรคก้าวไกล หลังจากก่อนหน้านี้ เมื่อ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินว่า การหาเสียงแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล ช่วงการเลือกตั้งปี 66 ละเมิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ถือเป็นการใช้สิทธิล้มล้างการปกครอง

'แอน' อายุ 58 ปี ชาวจังหวัดขอนแก่น เดินทางมาให้กำลังใจพรรคก้าวไกล พร้อมกับลูกสาว

แอน กล่าวว่า อยากมาให้กำลังใจและไม่สบายใจก็กังวลกับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ ไม่มั่นใจกับกระบวนการในปัจจุบันนี้เท่าไร

ชาวขอนแก่นวัย 58 ปี มองว่า เธออยากสนับสนุนพรรคก้าวไกล เพราะว่า อยากให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ เพราะมันทำให้เห็นแล้วว่าการบริหารประเทศของคนรุ่นเก่าไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น และตอนนี้หลายประเทศเริ่มมีคนรุ่นใหม่เริ่มเข้ามาบริหารประเทศมากขึ้นด้วย

แอน กล่าวต่อว่า แม้ว่าทางพรรคก้าวไกล จะยังมั่นใจเรื่องข้อต่อสู้ทางกฎหมายในคดีนี้ แต่ตอบตรงๆ เราไม่มีความมั่นใจอะไรในสังคมบ้านเรา

"ฝากกระบวนการศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาแบบตรงไปตรงมาหวังว่าแบบนั้น เราเคารพศาล แต่หวังว่าให้กระบวนการยุติธรรมมีความยุติธรรมเกิดขึ้นไป" แอน กล่าว

แอน กล่าวว่า ถ้าผลคำตัดสินไม่ได้ออกมาเป็นบวกกับพรรคก้าวไกล เธออยากจะสนับสนุนต่อแม้ว่าจะต้องรอถึง 10 ปีก็ตาม

 

ซิน

ซิน อายุ 19 ปี กล่าวว่า อยากมาลุ้นเรื่องผลคดีและอยากรู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญคงไว้ซึ่งหลักการหรือเปล่า หวังว่าจะเป็นไปในทางที่ดี ไม่เกิดการยุบพรรคการเมือง

ซิน ระบุว่า อยากสนับสนุนพรรคก้าวไกล เพราะรู้สึกว่าเขาตั้งใจทำงาน เป็นพรรคฯ ที่ค่อนข้างแอ็กทีฟ และเวลาพูดแสดงความเห็นหรือถูกวิจารณ์ก็รับฟัง เขาผลักดันประเด็นที่ไม่ค่อยได้รับการพูดถึง เช่น การบังคับเกณฑ์ทหาร เราได้ฟังแล้วก็เพิ่งทราบว่ามันมีเรื่องนี้

ซิน ฝากว่าอยากให้ศาลรัฐธรรมนูญคงไว้ซึ่งหลักการ และเคารพตำรากฎหมายทุกเล่ม

วิทิต

วิทิต ผู้นิยามตัวเองเป็นคนรุ่นเก่า อายุ 64 ปี หวังเป็นกำลังใจให้พรรคก้าวไกลในการตัดสินคดียุบพรรคฯ วันนี้

วิทิต เล่าว่า เคยอยู่ร่วมในเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 และเคยอยู่ในการชุมนุมคนเสื้อแดง (นปช.) มาก่อน จนกระทั่งมันเกิดอนาคตใหม่ขึ้น ผมมองแล้วว่า ผมฝากความหวังไว้ที่พรรคนี้ได้ ให้ลูกหลาน เพราะว่าพวกเขาทำงานจริง ซื่อสัตย์ ตรวจสอบได้ ที่สำคัญเขาเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชนมาโดยตลอด

"ผมก็คนรุ่นเก่าแล้วละ ไม้ก็ใกล้ฝั่ง ไม่รู้ว่าจะไปวันไหน แต่อย่างน้อยวันนี้ทำอะไรเพื่อประเทศชาติได้บ้างก็อยากทำ และมั่นใจว่าพรรคนี้จะทำให้รุ่นลูกรุ่นหลานผมอยู่ดีขึ้น" วิทิต กล่าว

วิทิต มองเรื่องคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ ก็กังวล เพราะเขารู้สึกว่ามันไม่ได้ยึดหลักกฎหมาย คำตัดสินออกได้ทุกทาง อยู่ที่จะหาเหตุผลใดมาอธิบายเท่านั้นเอง รับได้ไม่ได้ว่ากันอีกครั้งหนึ่ง คำตัดสินศาลก็เคารพ แต่ต้องมีเหตุผล และยึดบนหลักการที่ชอบด้วยกฎหมาย ตามระบอบประชาธิปไตย เราอยู่มาจนแก่แล้วยังหาประชาธิปไตยไม่เจอ พอมันมีความหวังบ้างก็อยากมาแสดงออกว่าเราใฝ่หาประชาธิปไตยเหมือนกัน

"อยากให้ตัดสินบนความถูกต้องของหลักกฎหมาย ถ้าเราผิดตามหลักกฎหมายคุณลงโทษเรา แต่ถ้าเราไม่ผิดตามหลักกฎหมายคุณไม่ควรลงโทษเรา" วิทิต กล่าว

โซ้ยตี่ 

โซ้ยตี่ ชายอายุ 32 ปี นักแสดงจักกลิง วันนี้มาให้กำลังใจพรรคก้าวไกล และอยากมาฟังคำตัดสินผลตัดสินศาลรัฐธรรมนูญด้วยตัวเอง แต่ไม่มีเพื่อนเลยทำน้ำกระเจี๊ยบมาขายด้วย จะได้หาเพื่อน และปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ

โซ้ยตี่ เล่าให้ฟังว่า เขาสนับสนุนพรรคก้าวไกลหลายเรื่อง ทั้งความคิดในแนวทางพรรค นโยบาย และก็การกระทำของพรรค ว่าจะพาประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า เป็นเสียงของประชาชน เข้าถึงได้ง่าย และก็อยากสนับสนุนต่อไปแม้ว่าจะมีการยุบพรรคหรือไม่มีก็ตาม

โซ้ยตี่ อยากฝากถึงกระบวนการยุติธรรมอยากให้คำนึงถึงความถูกต้อง เพราะเขารู้สึกเสมอว่า เวลามีคำตัดสินต่างๆ มันไม่สมเหตุสมผล ทำให้เราไม่เชื่อเรื่องข้อกฎหมาย

บรรยากาศหลังศาลมีคำวินิจฉัย

เมื่อเวลาประมาณ 17.15 น. พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กำลังเดินทางมาที่ทำการพรรคก้าวไกล เขตหัวหมาก กรุงเทพฯ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคฯ เป็นระยะเวลา 10 ปี

จากนั้นในเวลาประมาณ 18.07 น.  สส.พรรคก้าวไกลทยอยเดินทางมาจากรัฐสภา โดยมี สส.ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ พุธิตา ชัยอนันต์ ธิษะณา ชุณหะวัณ ฯลฯ นอกจากนี้ พิธีกร ประกาศว่า สส.พรรคเป็นธรรม กัณวีร์ สืบแสง มาร่วมให้กำลังใจด้วย

สำหรับบรรยากาศที่หน้าพรรคก้าวไกลมีประชาชนมารวมตัวกันเป็นจำนวนหลักร้อยคนเพื่อให้กำลังใจแก่สมาชิกพรรคก้าวไกลหลังศาลมีคำวินิจฉัย 

‘ปันเจ’ ชาวกรุงเทพฯ อายุ 34 ปี กล่าวว่า จริงๆ ก็คาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้แต่พอมาฟังในเชิงการให้เหตุผลของศาลรัฐธรรมนูญด้วยตัวเองก็ยังรู้สึกว่ามันแบบนี้เลยเหรอที่จะนำไปสู่การหักล้างข้อโต้แย้งต่างๆ ของพรรคก้าวไกล ส่วนตัวมองว่าข้อโต้แย้งที่พรรคก้าวไกลยกมา เรื่องกระบวนการขั้นตอนยื่นคำร้องของ กกต. มีปัญหา เป็นเรื่องที่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก ว่า กกต.ทำผิดขั้นตอนกระบวนการ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ซึ่งพอมาฟังคำตัดสินก็ต้องบอกว่า ‘โอเค’ และเราคิดแทนอาจารย์ที่สอนกฎหมายว่า เขาจะสอนยังไงต่อไป เขาก็คงเหนื่อยที่จะบอกว่ามันเคยมีการตัดสินแบบนี้

ปันเจ

ปันเจ กล่าวว่า เขาไม่ได้ผิดหวังหรือเสียใจ เพราะว่ามองว่าข้างหน้ายังมีทางไปต่อได้

ปันเจ กล่าวว่า เขากังวลเรื่องการเพิกถอน 44 สส.พรรคก้าวไกล ที่เคยเสนอแก้ไขมาตรา 112 เพราะว่าก็มีคนที่มีคุณภาพแต่ว่าล่าสุดที่เคยฟัง ปปช. เขาเคยบอกว่าก็ต้องมีกระบวนการพิจารณารายบุคคล ไม่ได้เป็นแบบเหมาเข่ง ก็หวังว่ามันไม่ได้ไปทั้ง 44 คน แล้วแต่พฤติการณ์ไม่แน่ใจว่าเขาจะมีเกณฑ์อย่างไร หวังว่าไม่ได้โดนเยอะ

ปันเจ กล่าวว่า “สำหรับผู้สนับสนุนพรรคฯ หรือไม่จำเป็นต้องเป็นผู้สนับสนุน แต่ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน ก็ออกมาเรียกร้องไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องลงถนนก็ได้ แสดงออกว่าเราไม่เห็นด้วย คิดว่าเป็นสิ่งที่เราควรกระทำได้ และก็อย่าเพิ่งหมดหวังกับการเมืองไทย เพราะว่าเรายังอยู่ในประเทศนี้ต่อไป ยังมีกระบวนการอื่นๆ รวมถึงการเลือกตั้งไม่ว่าจะหลายครั้ง” พันเจ ทิ้งท้าย

เบน ชาวกรุงเทพฯ อายุ 29 ปี กล่าวเหมือนกับพันเจ ว่าการยุบพรรคก้าวไกลก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกินความคาดหมาย เลยไม่ได้ตกใจ ส่วนถึงกับสิ้นหวังกับสถานการณ์การเมืองไทยหรือไม่ถึงกับสิ้นหวัง เพราะว่าเป็นเรื่องที่เราต้องสู้กันต่อไป ทั้งในฐานะของประชาชนเอง และผู้สนับสนุนพรรคการเมือง เพราะว่าเราอยากเห็นพรรคการเมืองที่เราเลือกเข้าไปต่อสู้อยู่ ก็เป็นเรื่องที่ต้องสู้ต่อ

เบน กล่าวว่า เขามีความกังวลเรื่องสิทธิเสรีภาพในระยะใกล้จะถอยหลังลงไปเหมือนกัน เพราะว่าเสียงฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ และเสนอกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชนอาจลดลง การยุบพรรคขึ้นมาแล้วกระบวนการที่ย้ายพรรคการเมืองของ สส.ไม่เรียบร้อยมันก็อาจจะเกิดปัญหาเรื่องการถ่วงดุลในสภาฯ ได้ด้วยเหมือนกัน ก็เป็นส่วนที่กังวลเหมือนกัน แต่ถ้ากระบวนการเปลี่ยนผ่านเป็นไปได้ด้วยดี อาจจะต้องมองเป็นเกมยาว อันนี้เป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้ และเรากำลังอยู่ในเส้นทางต่อสู้ต่อไป

“กระบวนการยุติธรรมอาจไม่มีอะไรพูดถึงเยอะ แต่สำหรับพรรคก้าวไกลไม่ว่าจะเป็นชื่ออะไรแล้วก็ตาม ก็ขอให้ต่อสู้ต่อไป ประชาชนยังอยู่ข้างพรรคก้าวไกล และทุกคนน่าจะเห็นตรงกันว่า การยุบพรรคโดยไม่มีเหตุอันควร และการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้” เบน กล่าว

วัน

'วัน' หญิงวัยกลางคน กล่าวว่า เธอเสียใจ เพราะว่าเธอเองรู้สึกว่าพรรคไม่ได้ทำผิดอะไร แต่ต้องถูกยุบพรรค และไม่ได้มีโอกาสได้ชี้แจงข้อกล่าวหา เธอทิ้งท้ายอยากให้กำลังใจพรรคก้าวไกล

เน่

'เน่' อายุ 40 ปี ชาวกรุงเทพฯ วันนี้หลังได้ฟังความวินิจฉัยแล้วรู้สึกทั้งผิดหวัง เสียใจ และไม่ยุติธรรม เราเลือกเขามา และประชาชนก็เลือกเขาเยอะ แต่ศาลตัดสินให้ยุบพรรค เธอก็ยืนยันว่าจะเชียร์ต่อไป เพราะว่าเรามั่นใจในพรรคก้าวไกลว่าจะทำให้บ้านเมืองเจริญขึ้น

พัคสิษฐ์

พัคสิษฐ์ อายุ 55 ปี มองว่า เขาก็มองว่าไม่ได้เกินความคาดหมาย แต่เชื่อว่าผู้บริหารพรรคก้าวไกลทราบว่าเกิดอะไรขึ้น คนรุ่นใหม่ และกรรมการบริหารพรรคฯ แบ็กอัปของก้าวไกลทั้งหมดเขาเตรียมตัวไว้แล้วจะรับมืออย่างไร ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจพรรคก้าวไกล

พัคสิษฐ์ กล่าวว่า เขาเชื่อว่ามันมีเรื่องที่พูดไม่ได้ต่อให้เราต่อสู้ด้วยกระบวนการกฎหมายหรือนิติธรรม แต่มันมีมือที่มองไม่เห็นบังคับให้เราไปทางไหน เราก็อาจต้องไปทางนั้น แต่เชื่อว่าไม่นานทุกอย่างจะเป็นของประชาชน ขอให้รอ ผมเชื่อว่าประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นเต็มใบในประเทศไทย ไม่เกิน 10 ปีแน่นอน

“ไม่ว่าเรื่องดีหรือเรื่องร้าย อยากให้พรรคก้าวไกลเอาเรื่องนี้มาเป็นบทเรียน และอยากให้ไปต่อ ส่วนประชาชนที่คิดว่าลังเลแล้วอยากเปลี่ยนแปลงประเทศไทย อยากให้ประเทศไทยมีอนาคตที่ดีกว่า ผมอยากให้สนับสนุนพรรคก้าวไกลต่อไปไม่ว่าจะเป็นชื่ออะไร” พัคสิษฐ์ กล่าว

ทั้งนี้ พัคสิษฐ์ เล่าให้ฟังว่า พรรคก้าวไกลจะมีแนวคิดคนรุ่นใหม่ที่คิดถึงอนาคต ถ้าเราอยากให้ประเทศเราพัฒนา เราก็ต้องวางแผนเพื่ออนาคตเหมือนพรรคก้าวไกล เลยสนับสนุนพรรคก้าวไกล

กัณวีร์ สืบแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ให้สัมภาษณ์หลังรับฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เขาขอไม่ก้าวล่วงคำตัดสินของศาล เพราะไม่สามารถก้าวล่วงได้ แต่ว่าความรู้สึกส่วนตัวคือเสียใจ เพราะว่าพรรคการเมืองควรเป็นสถาบันของประชาชน คนที่ควรจะบอกยุบได้คือประชาชน โดยเป็นไปตามระบอบครรลองครองธรรมตามระบอบประชาธิปไตย โดยถ้าพรรคการเมืองไม่ตอบโจทย์ทางด้านนโยบาย ไม่สามารถทำงานได้ มันเป็นการยุบพรรคไปโดยปริยาย

กัณวีร์ มองต่อว่า ในไทยการใช้กลไกยุบอดีตพรรคก้าวไกลแบบนี้มันเป็น Stigma (ความอัปยศ) เพราะการยุบพรรคในเวทีสากลในระบอบประชาธิปไตยเป็นสิ่งยากมาก แต่ตอนนี้ในประเทศไทยการยุบพรรคกำลังถูกทำให้ปกติ ทั้งที่ไม่ปกติระบอบประชาธิปไตย 

กัณวีร์ ได้กล่าวถึงเรื่องที่เขาส่งเรื่องไปที่กรรมาธิการเวนิส เพราะว่าหลักการยุบพรรคของไทย ต่างจากหลักการสากล เนื่องจาก กรรมาธิการเวนิส ให้แนวปฏิบัติเรื่องการยุบพรรคการเมือง 7 ข้อ ไล่ลำดับลงมา การยุบพรรคต้องเป็นทางเลือกสุดท้าย ต้องมีการใช้ความรุนแรง และมีการสะสมกำลังพล เพื่อล้มล้างระบอบประชาธิปไตย อันนี้คือเข้าเกณฑ์ของเวนิส ซึ่งเป็นต้นแบบของประชาธิปไตย 

นอกจากนี้ กัณวีร์ มองว่า แม้ว่าเราดึงโครงสร้างระบอบประชาธิปไตยในประเทศเยอรมนี โครงสร้างของศาลรัฐธรรมนูญเราไปเอาจากเขามา แต่เราเอามาแต่โครงสร้าง เราไม่เอาเนื้อในเขามา เนื้อในของประเทศเยอรมนีเขาคือ "Basic law" กฎหมายพื้นฐานตรงนี้ระบุเรื่องสิทธิมนุษยชน สิทธิของประชาชน และเขาเอากฎหมาย "Basic Law" เข้าสู่กฎหมายของรัฐธรรมนูญ ไม่มีใครพรากสิทธิขั้นพื้นฐานของการเป็นมนุษย์ได้ นี่เป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ประเทศไทยกลับทำตาลปัตร การยุบพรรคจะเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ แต่ประเทศไทย เราเห็นอยู่ว่าอะไรเกิดขึ้น ความรู้สึกส่วนตัวคือเสียใจ

กัณวีร์ ระบุว่า ส่วนตัวอยากจะบอกว่าวันนี้มันอยู่ที่นี่อดีตพรรคก้าวไกล พี่น้องประชาชนยังมีความหวัง พี่น้องประชาชนยังบอกว่าสู้ต่อ เดินหน้าต่อไป เขายังเชื่อมั่นในกลุ่มในอุดมการณ์ของอดีตพรรคก้าวไกล และอดีตพรรคอนาคตใหม่ ว่าจะร่วมกันต่อสู้ให้ประเทศนี้ เอาอำนาจกลับคืนมาเป็นของประชาชนจริง

"ต้องดึงคำว่าอำนาจของประชาชนที่แท้จริงอยู่ตรงไหน ตรงนี้แหละที่จะทำให้เราเห็นว่าอนาคตต่อๆ ไป สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2567 การยุบพรรคก้าวไกลจะไม่มีต่อไป จะเป็นพรรคสุดท้ายที่จะโดนยุบ ต่อไปในอนาคตถ้ามีพรรคการเมืองไหนก็ตามโดนยุบ จะต้องมีคนต่อสู้ ตัวผมเองก็ต่อสู้ให้ เพราะว่าผมเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เพราะฉะนั้น ในระบบพรรคการเมืองโดนยุบง่ายๆ แบบนี้มันไม่สามารถที่จะทำให้ประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไปได้" กัณวีร์ กล่าว  

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net