Skip to main content
sharethis

'สามารถ เจนชัยจิตรวนิช' รองโฆษก พปชร. ยืนยันไม่ใช่เสียงตัวเอง ในคลิป 'บอสพอล THE iCON GROUP' คุยนักการเมืองแลกเคลียร์ปัญหา พร้อมระบุหากบุคคลใดพาดพิง จะดำเนินการทางกฎหมายทันที - ประธานสภาฯ สั่งสอบปมคลิปเสียง กมธ.เรียกรับผลประโยชน์ - ตำรวจสอบสวนกลาง แจ้งความคืบหน้าการดำเนินการคดี ยอดผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้วระหว่าง 10-13 ต.ค. 67 จำนวน 635 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 232.4 ล้านบาทเศษ

14 ต.ค. 2567 Thai PBS รายงานว่าจากกรณีสื่อสังคมออนไลน์ เผยแพร่คลิปเสียงสนทนาระหว่าง บุคคลที่ถูกอ้างว่าเป็น ผู้บริหาร บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป กับนักการเมืองคนหนึ่ง กำลังต่อรองจำนวนเงิน เพื่อแลกกับการเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น

ต่อมา นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ "บอสพอล" กล่าวในราบการโหนกระแสทาง ไทยทีวีสีช่อง 3 โดยยอมรับว่า เสียงในคลิปดังกล่าวเป็นเสียงของตัวเองจริงเมื่อหลายปีก่อน ที่ถูกนักร้องมาเรียกรับเงิน แต่ไม่ขอยืนยันว่า เป็นใคร และได้จ่ายเงินให้เดือนละ 1 แสนบาท แต่ไม่ทุกเดือน

ขณะที่ล่าสุด นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์กับสื่อบางแห่ง โดยยืนยัน ไม่ใช่เป็นเสียงของตัวเอง และหากใครมาพาดพิง ก็จะดำเนินการทางกฎหมายทันที และหากสื่อต้องการสัมภาษณ์ ก็ขอให้รอเดินทางกลับจากประเทศก่อน

ประธานสภาฯ สั่งสอบปมคลิปเสียง กมธ.เรียกรับผลประโยชน์

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีการเผยแพร่คลิปเสียงปริศนา มีการเรียกรับผลประโยชน์ผู้ต้องหาในคดีบริษัทดิไอคอน ในชั้นกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎร รัฐสภาจะตรวจสอบกรณีอย่างไรเพราะไม่ใช่กรณีแรกที่เกิดขึ้น ว่า ได้สั่งให้สภาตรวจสอบโดยด่วน เพราะมีเรื่องทำนองนี้เกิดมาแล้วต้องรีบแก้ไข

เมื่อถามย้ำว่าจะดำเนินการอย่างไรไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีก นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของบุคคล สภาเวลาตั้งกรรมาธิการจะตั้งคนภายในตัวแทนรัฐบาลและบุคคลภายนอก ส่วนบุคคลภายนอกเสนอโดยพรรคการเมือง เราไม่สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด แต่ถ้าพบเห็นหรือรับรู้ต้องแก้ไขให้บุคคลเหล่านั้นพ้นจากตำแหน่ง ต้องไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่ในทางหลักการที่จะเรียกรับเงิน หรือเคลียร์ในชั้นกรรมธิการ ประธานสภา กล่าวว่า ตอนนี้ยังเป็นข้อกล่าวหา ต้องสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง ไม่ยากหากมีผู้ได้รับความเสียหายมายืนยัน ฝ่ายเลขาธิการสภาจะเร่งดำเนินการให้ทันที เพราะนี่เป็นเรื่องความเชื่อถือ สภาต้องทำให้ประชาชนมั่นใจว่าเป็นที่พึ่งได้ พร้อมระบุว่าสภามีกรรมมาธิการหลายชุด โดยเฉพาะกรรมการวิสามัญ จะมีบุคคลภายนอกมาด้วย ส่วนมากเกิดจากคนภายนอกที่พรรคการเมืองทั้งหลายเสนอมา เราจะตรวจสอบให้ครบถ้วน ครั้งต่อไปจะต้องมีความระมัดระวัง มีการกลั่นกรองบุคคลที่จะเข้ามาในชั้นกรรมาธิการ แต่บางครั้งก็เป็นเรื่องของผู้ติดตามไม่ใช่ตัวจริง อ้างว่าเป็นที่ปรึกษาก็ไปแสวงหาผลประโยชน์ หากประชาชนสงสัยขอให้ติดต่อกับสภาโดยตรง

ส่วนบทลงโทษ แม้ไม่เป็น สส. แต่เข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมาธิการนั้น จะต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการ เพราะการแอบอ้างและหาผลประโยชน์มีโทษกฎหมายอาญา แต่ขอให้แจ้งหลักฐานที่ชัดเจนก่อน

ตำรวจสอบสวนกลาง แจ้งความคืบหน้าการดำเนินการคดี

ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่ายอดผู้เสียหายหลอกลวงลงทุนของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ที่มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ณ ห้องประชุม ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม วันที่ 10-13 ต.ค. 2567 มีดังนี้

1. วันที่ 10 ต.ค. 2567 ผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว จำนวน 91 ราย มูลค่าความเสียหาย 35.4 ล้านบาทเศษ
2. วันที่ 11 ต.ค. 2567 ผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว จำนวน 148 ราย มูลค่าความเสียหาย 54.7 ล้านบาทเศษ
3. วันที่ 12 ต.ค. 2567 ผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว จำนวน 198 ราย มูลค่าความเสียหาย 71.9 ล้านบาทเศษ
4. วันที่ 13 ต.ค. 2567 ผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว จำนวน 198 ราย มูลค่าความเสียหาย 70.4 ล้านบาทเศษ

รวมยอดผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว ระหว่างวันที่ 10-13 ต.ค. 2567 จำนวน 635 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 232.4 ล้านบาทเศษ

ทั้งนี้ จำนวนผู้เสียหายและความเสียหายรวมอาจไม่ตรงกับที่ได้มีการแจ้งข้อมูลไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากตรวจสอบแล้วผู้เสียหายบางรายขอเดินทางกลับไปแจ้งที่ภูมิลำเนา จึงมีการปรับปรุงตัวเลข ซึ่งขณะนี้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเตรียมรับมอบคำให้การจากสถานีตำรวจทั่วประเทศเพื่อมาประกอบข้อมูลของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่คาดว่าจะส่งมาถึงในวันเปิดทำการ วันอังคารที่ 15 ต.ค. 2567

วันที่ 13 ตุลาคม 2567 คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้เข้าตรวจสอบบริษัทเป้าหมายเพื่อจัดเก็บข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Server) ของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด และบริษัทในเครือ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อหาความเชื่อมโยงทางคดี

วันนี้ (14 ต.ค.) นายกรรชัย กำเนิดพลอย และ กัน จอมพลัง เดินทางมาที่ศูนย์รับแจ้งเหตุการหลอกลงทุนฯ โดยพาผู้เสียหายมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน และประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ทั้งนี้ บอย ปกรณ์ เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ประกาศจุดยืนชัดเจนพร้อมจะอยู่ฝั่งผู้เสียหาย และจะรวมผู้เสียหายในส่วนของคุณบอยมาให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนด้วย

 

ที่มาเรียบเรียงจาก: Thai PBS  | สำนักข่าวไทย [1] [2]


 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net