น้องสาว ‘มานะ หงส์ทอง’ เหยื่อกระสุนยางของเจ้าหน้าที่ คฝ. จากการสลายการชุมนุม #ม็อบ15สิงหา ที่แยกดินแดง เข้าร้องทุกข์คดีอาญาต่อพนักสอบสวน สน.ดินแดง ให้ตัวผู้กระทำผิด หลังมานะถูกกระสุนยางกลายเป็นผู้ป่วยทุพพลภาพ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้นานกว่า 7 เดือน ก่อนจะเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 5 มี.ค. ที่ผ่านมา

31 มี.ค. 2565 iLaw รายงานว่า วันนี้เวลา 14.00 น. ที่ สน.ดินแดง พรรณี หงษ์ทอง น้องสาวของ มานะ หงส์ทอง ชายวัย 64 ปี ชาวแฟลตดินแดงผู้ถูกลูกหลงกระสุนยางของเจ้าหน้าที่ คฝ. จากการสลายการชุมนุม #ม็อบ15สิงหา ที่แยกดินแดง มานะกลายเป็นผู้ป่วยทุพพลภาพ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 5 มี.ค. ที่ผ่านมา

ภาพจาก iLaw

พรรณี หงษ์ทอง (คนกลาง) คอรีเยาะห์ มานุแช (คนขวา)

พรรณีพร้อมด้วยทนายความจากภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนเข้าร้องทุกข์คดีอาญาต่อพนักสอบสวน สน.ดินแดง ขอให้ดำเนินคดีต่อตำรวจและบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง พรรณีเล่าว่า

“มานะผู้เสียชีวิต ไม่มีครอบครัว ประกอบอาชีพ มีรายได้จากการรับจ้างซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่ซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า ซ่อมพัดลมและซ่อมเครื่องซักผ้า ก่อนหน้าการแพร่ระบาดของโควิด19 มานะเคยเป็นช่างแอร์และเพิ่งออกจากงานมา วันเกิดเหตุลุงมานะไปหาเธอที่บ้านแถววัดสุคันธาราม เวลาประมาณ 20.00 น. มานะเดินทางกลับแฟลตดินแดงตึก 24 ด้วยรถประจำทางแต่ด้วยมีการชุมนุมที่แยกดินแดง จึงไม่สามารถลงรถเมล์บริเวณป้ายรถเมล์แฟลตดินแดงได้ ต้องนั่งเลยไปทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและเดินเท้าย้อนกลับมาที่แฟลต 24 ซึ่งอยู่ฝั่งถนนมิตรไมตรี”

ขณะนั้นมีการสลายการชุมนุมอยู่บริเวณแยกดินแดง มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุความรุนแรงอย่างน้อย 5 คน (ไม่นับรวมกรณีของมานะ) ดังนี้

เวลาประมาณ 20.00 น. ที่บริเวณแฟลตแปลง G ถนนมิตรไมตรี เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนยิงกระสุนยางใส่ประชาชนและผู้สื่อข่าวรวม 3 คน มีรายงานว่า มีการยิงกระสุนยางใส่เยาวชนวัย 15 ปี และที่แฟลตดินแดงเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนยิงกระสุนยางเข้าใส่โหนกแก้มชายที่อาศัยบนแฟลตดินแดง หลังเขาตะโกนขอร้องเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนว่า อย่าใช้แก๊สน้ำตา

เวลาใกล้เคียงกันมานะกลายเป็นเหยื่ออีกคนหนึ่งในวันดังกล่าว ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า พบมานะนอนฟุบหมดสติจมกองเลือดบริเวณหน้าธนาคารออมสิน ฝั่งถนนมิตรไมตรี ขณะที่พรรณีเล่าว่า เธอดูคลิปเหตุการณ์เห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยขับรถมอเตอร์ไซด์ผ่านจุดที่มานะนอนฟุบอยู่ จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยขับรถย้อนกลับมาโดยใส่ชุดพีพีอีเพื่อช่วยเหลือมานะพบว่า มานะมีบาดแผลคล้ายถูกยิงด้วยกระสุนยางเข้าที่ศีรษะ ต่อมาเขาถูกนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถีเป็นเวลาหนึ่งเดือน ระหว่างนี้แม้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ แต่ก็มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น แพมเพิร์ส ซึ่งเป็นภาระของครอบครัว ต่อมาแพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวต่อที่บ้าน มานะยังนอนไม่ได้สติติดเตียงต่ออีกระยะหนึ่ง

พรรณีระบุว่า ครอบครัวไม่ได้มีเงินซื้อเตียงสำหรับผู้ป่วยติดเตียง ต้องให้มานะนอนบนไม้กระดานและดูแลกันไป “จะเอาที่ไหนมาซื้อ” มานะสื่อสารไม่ได้ จะพูดเป็นคำๆ ไปเท่านั้น ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 15 ส.ค. 2564 เขาไม่สามารถจดจำได้เลย

ระหว่างการรักษาตัวมานะไม่สามารถเดินโดยไม่มีคนช่วยประคองและไม่สามารถทำกิจธุระส่วนตัวด้วยตนเอง มานะเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2565 รวมเวลาป่วยติดเตียง 7 เดือน ทั้งนี้หลังเกิดเหตุวันที่ 16 ส.ค. 2564 เอกรินทร์ หงษ์ทอง หลานชายของ มานะ หงษ์ทอง ได้ลงบันทึกประจำวันต่อพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ไว้แล้ว

คอรีเยาะห์ มานุแช ทนายความกล่าวว่า จนถึงปัจจุบันยังไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ที่กระทำความรุนแรงต่อมานะเป็นใคร เบื้องต้นเชื่อว่า กระสุนที่ยิงมาจากฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นผู้ที่มีอาวุธในครอบครอง เป็นผู้ที่ปิดล้อมพื้นที่ทำการสลายการชุมนุม เจ้าหน้าที่รัฐมีสังกัดหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง รวมทั้งกระสุนยางไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะครอบครองได้ จึงตั้งข้อสงสัยว่า คนที่กระทำจะต้องเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีอาวุธ โดยหลังเกิดเหตุครอบครัวยังไม่เคยได้รับการเยียวยาใดๆ

สำหรับการร้องทุกข์วันนี้ ครอบครัวขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำความผิดทั้งในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ 297 และความผิดอื่นใดที่เกี่ยวข้องซึ่งจะปรากฏจากทางสืบสวนสอบสวนของพนักงานสอบสวนต่อไปตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด หลังจากการร้องทุกข์ในวันนี้ทนายความก็จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการอื่นต่อไปอีกด้วย