Skip to main content
sharethis

‘โรม’ ส.ส.ก้าวไกล ยื่นหลักฐานต่อ ป.ป.ช. สอบ ส.ว.อุปกิต ปมแจ้ง บช.ทรัพย์สินเท็จ ขาย ‘Allure Resort’ ให้เจ้าพ่อเว็บพนัน ปี 2563 ผิดจริยธรรมไม่เป็นกลางทางการเมือง เอื้อพรรค รทสช. ด้าน ‘พีระพันธุ์’ เปรยให้ทีมกฎหมายดูแลหาก ‘โรม’ ไม่หยุดพาดพิง เชื่อไม่ส่งผลต่อพรรค

 

23 ก.พ. 2566 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานต่อสื่อวันนี้ (23 ก.พ.) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ยื่นเอกสารหลักฐานต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบ อุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. ยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จหรือไม่ กรณีการขายอัลลัวร์รีสอร์ท สืบเนื่องจากการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 และขอให้สอบพฤติการณ์ที่อาจฝ่าฝืนต่อมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมถึงตรวจสอบว่า อุปกิต ที่ดำรงตำแหน่ง ส.ว. อันเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ กระทำผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 มาตรา 28 (1) หรือไม่  

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

(ซ้าย) รังสิมันต์ โรม

รังสิมันต์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลหลักฐาน พบว่าอุปกิตเป็นเจ้าของที่ดิน 1 งาน 47.7 ตารางวา ซึ่งเป็นของบริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2564 และยังพบว่า บริษัทยูไนเต็ดฯ ได้รับโอนโฉนดดังกล่าวมาจาก ภาวิณี พินัยนิติศาสตร์ ซึ่งต่อมาใช้เป็นที่ทำการของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โดยตามเอกสารหลักฐาน แสดงให้เห็นว่า ในขณะที่ก่อสร้างอาคารตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2564 โครงการก่อสร้างดังกล่าวเป็นของบริษัทยูไนเต็ดฯ และต่อมามีการโอนที่ดินดังกล่าวให้อุปกิต จากนั้นเมื่ออาคารสร้างเสร็จ ก็เป็นที่ตั้งของพรรครวมไทยสร้างชาติตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 ดังนั้น อุปกิตจึงมีพฤติการณ์ที่ควรสงสัยหรือไม่ว่า ได้รับรู้อย่างต่อเนื่องถึงการสร้างอาคารสำนักงานนั้น ว่าเป็นการสร้างเพื่อเตรียมให้เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของพรรคการเมือง เพราะจนถึงวันนี้ยังไม่พบเอกสารการเช่าอาคารดังกล่าว 

รวมถึงขอให้ ป.ป.ช. พิจารณาว่าอุปกิตดำรงตำแหน่งเป็น  ส.ว. ซึ่งมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่ต้องไม่ฝักใฝ่หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใด ประกอบกับมีมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ที่ต้องไม่กระทำการใดให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง แต่อุปกิตกลับมีพฤติการณ์เป็นการจัดเตรียมให้ได้มาซึ่งที่ดินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเพื่อเตรียมไว้ให้พรรคการเมืองใช้ประโยชน์โดยไม่มีเหตุอันชอบด้วยกฎหมาย กรณีนี้ย่อมเข้าข่ายการแสดงออกถึงความฝักใฝ่พรรคการเมืองซึ่งเป็นพฤติการณ์ที่ไม่สอดคล้องกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ เป็นลักษณะต้องห้ามของคุณสมบัติสมาชิกวุฒิสภาในมาตรา 111 (7) อันเป็นการกระทำฝ่าฝืนมาตรา 113 หรือกระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา 184 หรือ 185 ย่อมเป็นเหตุให้ความเป็น ส.ว. สิ้นสุดลง จึงเป็นเรื่องร้ายแรงที่แสดงให้เห็นว่ากระทบต่อมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง  

รังสิมันต์ กล่าวว่า หากพบว่ามีความผิด เรื่องการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ ส.ว. คนดังกล่าวจะถูกลงโทษด้วยอัตราโทษสูงสุดจำคุก 6 เดือน แต่มากกว่านั้นคือการพ้นจากตำแหน่ง ส.ว. และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ส่วนความผิดฝ่าฝืนจริยธรรม ก็จะถูกลงโทษตามกฎหมายต่อไป 

โดยวันนี้ตนได้แนบเอกสารหลักฐานเป็นสำเนาโฉนดที่ดิน ซึ่งเป็นที่ตั้งของพรรครวมไทยสร้างชาติ สำเนาเอกสารข้อมูลพรรคการเมืองที่ยังดำเนินการอยู่ ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2565 รวมถึงภาพถ่ายหน้าจอเว็บไซต์ระบบค้นหารูปแปลงที่ดินของกรมที่ดิน รายงานข้อมูลแปลงที่ดินกรุงเทพฯ เขตพญาไท ภาพถ่ายแสดงรายละเอียดลำดับการสร้างที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ รวมถึงภาพถ่ายหน้าจอรายงานข่าวของสำนักงานข่าวไทยโพสต์  "เปิดโฉมรวมไทยสร้างชาติ" เวอร์ชันแม่ทัพพีระพันธ์ุ วันที่ 3 สิงหาคม 2565

‘พีระพันธุ์’ เปรยให้ทีมกฎหมายดูแล หากโรม ไม่หยุดพาดพิง เชื่อไม่ส่งผลต่อพรรค

ก่อนหน้านี้เมื่อ 22 ก.พ. 2566 เว็บไซต์ มติชน ออนไลน์ รายงานว่า ที่ศูนย์รับเรื่องราวเรื่องร้องทุกข์ของรัฐบาล พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อ กรณีที่รังสิมันต์ โรม กล่าวประเด็นเรื่องที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติว่า กล่าวว่า ไม่เป็นไร พรรคไม่เกี่ยว ไม่มีใครเกี่ยว ตามที่พรรคได้ชี้แจงไป เมื่อถามต่อว่าหากยังมีการพาดพิงเช่นนี้อยู่ จะมีการดำเนินการตามกฎหมายหรือไม่ พีระพันธุ์ กล่าวว่า ให้ฝ่ายกฎหมายดูแลอยู่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับพรรค เชื่อว่าประชาชนทั่วไปรับรู้

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (ที่มา: เฟซบุ๊ก พรรครวมไทยสร้างชาติ United Thai Nation Party)

“เราจะไปเช่าทรัพย์สินใคร จะไปรู้ได้อย่างไรว่าเขาทำอะไร ถึงเขาจะทำผิดหรือถูกก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา มันจะเกี่ยวอะไรกับเรา ไม่เกี่ยวอยู่แล้ว แต่ถ้าเราไปร่วมกระทำความผิดสิ มันถึงผิดด้วย” พีระพันธุ์ กล่าว 

เมื่อถามต่อว่ารังสิมันต์ พยายามเชื่อมโยงว่ารู้จักกับผู้ให้เช่า พีระพันธุ์ กล่าวว่า การเมืองเขาก็ทำอย่างนั้นเป็นธรรมดา ก็เห็นอยู่ การเมืองเขาก็ทำได้แค่นี้ มันจะมีเหตุผลหรือไม่มี ตนเชื่อว่าประชาชนทั่วไปมีวิจารณญาณ เพราะเรื่องการเช่าทรัพย์สินนั้น ตนเชื่อว่าประชาชนทั่วไปก็เช่าทรัพย์สินอยู่แล้ว แล้วเมื่อไปเช่าทรัพย์สินใคร แต่เจ้าของมีความผิด แล้วต้องผิดไปด้วย มันคงไม่เกิดการเช่าทรัพย์สินขึ้นในประเทศ ซึ่งมันไม่ใช่ข้อเท็จจริงตรงนี้ เขาก็รู้กันทั่วไป

เมื่อถามว่าได้ระบุในสัญญาว่าจะเช่าตึกดังกล่าวเป็นระยะเวลากี่ปี พีระพันธุ์ กล่าวว่า เช่าเป็นแบบปีต่อปี

เมื่อถามต่อว่า หากครบสัญญา มีโอกาสที่จะย้ายที่ทำการพรรคหรือไม่ พีระพันธุ์ กล่าวว่า “ก็แล้วแต่ หากพรรคใหญ่ขึ้นกว่านี้ ก็มีโอกาสย้ายที่ทำการพรรคที่ใหญ่กว่า”

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net