Skip to main content
sharethis

ศาลพิพากษาจำคุก “ขุนแผน-มานี-ไบรท์” 7 ปี ปรับ 200 บาท คดี ม.112-ดูหมิ่นศาล หลังรับสารภาพกรณีร้องเพลงโชคดีที่มีคนไทย ก่อนศาลลดโทษเหลือจำคุกคนละ 3 ปี 6 เดือน ปรับ 100 บาท ไม่รอลงอาญา ศาลชั้นต้นส่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาให้ประกันตัว อาจต้องใช้เวลา 2-3 วัน ทำให้ขุนแผน และมานี ต้องถูกคุมตัวในเรือนจำระหว่างรอคำสั่ง

 

เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2567 เวลา 09.00 น. ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดอ่านคำพิพากษาในคดีของ เชน ชีวอบัญชา หรือ ‘ขุนแผน แสนสะท้าน’, “มานี” เงินตา คำแสน ผู้ชุมนุมอิสระ และ “ไบรท์” ชินวัตร จันทร์กระจ่าง นักกิจกรรมในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งถูกฟ้องในข้อหามาตรา 112, ดูหมิ่นศาล, หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต

ผู้มาร่วมให้กำลังใจก่อนฟังคำพิพากษา

คดีนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2565 ได้มีการจัดกิจกรรม “ยืนบอกเจ้าว่าเราโดนรังแก” บริเวณหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ เรียกร้องให้ประกันตัว ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือใ บปอ และ เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง สองนักกิจกรรมทะลุวัง ที่ถูกคุมขังในขณะนั้นจากกรณีทำโพลสำรวจความเดือดร้อนจากขบวนเสด็จ และทั้งสองได้อดอาหารอยู่ในเรือนจำ โดยในกิจกรรมมีการร่วมกันร้องเพลง “โชคดีที่มีคนไทย” รวมทั้งการชูป้ายและติดป้ายวิจารณ์ศาล

ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ตามมาตรา 112 ลงโทษจำคุก 3 ปี ฐานดูหมิ่นศาลจำคุก 2 ปี ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาจำคุก 2 ปี และฐานร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงฯ ปรับ 200 บาท รวมจำคุก 7 ปี ปรับ 200 บาท เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุให้บรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกคนละ 3 ปี 6 เดือน ปรับ 100 บาท ไม่รอลงอาญา และขณะนี้อยู่ระหว่างรอการประกันตัวในชั้นอุทธรณ์

สำหรับคดีนี้มี ระพีพงษ์ ชัยยารัตน์ สมาชิกกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เป็นผู้เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีมาตรา 112 กับเชนและมานี ที่ สน.ยานนาวา นอกจากนั้นยังมี สุรศักดิ์ กิจชาลารัตน์ เป็นผู้รับมอบอำนาจมากล่าวหาในคดีนี้เฉพาะข้อหาดูหมิ่นศาล ต่อมาทราบในภายหลังว่าไบรท์ก็ถูกแจ้งข้อหาและดำเนินคดีนี้เช่นกัน และถูกสั่งฟ้องตามมาภายหลัง แล้วถูกรวมการพิจารณาเข้าด้วยกัน

อย่างไรก็ตาม ในการสืบพยานนัดแรกเมื่อ 4 มิ.ย.2567 จำเลยทั้ง 3 คน แถลงขอกลับคำให้การเป็นรับสารภาพแทนเนื่องจากหวังว่าจะได้รับการโอกาสที่ศาลจะรอการลงโทษไว้  ศาลจึงยุติการสืบพยานและนัดฟังคำพิพากษามาเป็นวันนี้

คดีนี้อัยการได้ฟ้องพวกเขาแยกกันเป็น 3 กระทงจากเหตุการณ์เดียวกันคือ กระทงแรกคือการใช้เครื่องขยายเสียงร่วมกันร้องเพลงในบริเวณหน้าศาลโดยไม่ได้รับอนุญาต กระทงที่สองจำเลยได้ร่วมกันดูหมิ่นผู้พิพากษาและศาลโดยการแสดงป้ายที่มุ่งหมายถึงการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษาว่าไม่เป็นกลางในการออกคำสั่งไม่ให้ประกันตัวณัฐนิชและเนติพร กระทงสุดท้ายคือการร้องเพลงโชคดีที่มีคนไทย รวมถึงการปราศรัยหมิ่นประมาทต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 และ 10

วันเดียวกัน เมื่อ 18 ก.ค. เวลาประมาณ 13.06 น. ศูนย์ทนายฯ ได้รับรายงานว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งส่งคำร้องขอประกันตัวให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา 2-3 วัน ทำให้ในวันนี้ ทั้ง 3 คนถูกนำตัวไปควบคุมยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

 

 

กวีประชาไท

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net