Skip to main content
sharethis

'สส.เบญจา' พรรคก้าวไกล  ตั้งกระทู้สดถามนายกฯ ‘ทำอย่างไรไม่ให้วิสาหกิจไทยกลายเป็นเครื่องมือเข่นฆ่าชาวพม่า’ หลัง ปตท. และ ปตท.สผ. ที่รัฐบาลถือหุ้นอยู่ ลงทุนในกิจการก๊าซของวิสาหกิจรัฐบาลทหารพม่า กลายเป็นแหล่งรายได้ให้กองทัพซื้ออาวุธปราบประชาชน เรียกร้องไทยให้คำมั่น ไม่ปล่อยให้เงินคนไทยเป็นเครื่องมือเข่นฆ่าประชาชนพม่า

 

1 ส.ค. 2567 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานวันนี้ (1 ส.ค.) ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 10 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) ประจำวันที่ 1 ส.ค. 2567 เบญจา แสงจันทร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาต่อนายกรัฐมนตรี กรณีการดำเนินงานของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ที่เข้าไปลงทุนในกิจการพลังงานของประเทศพม่า ซึ่งรายได้จากกิจการดังกล่าวถูกโอนถ่ายไปให้รัฐบาลทหารพม่าใช้จัดซื้ออาวุธเพื่อปราบปรามประชาชนในประเทศ อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีไม่ได้เดินทางมาตอบกระทู้ ทำให้กระทู้ดังกล่าวถูกเลื่อนออกไป

ในส่วนของเบญจา ได้ลุกขึ้นอภิปราย และขอสละสิทธิ์การถามกระทู้ในครั้งต่อไป โดยระบุว่า การตั้งกระทู้สดในวันนี้ (1 ส.ค.) ตนตั้งใจตั้งคำถามถึงนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นเรื่องสำคัญสำหรับรัฐบาลไทยที่เสนอตัวเข้ารับเลือกเป็นสมาชิกในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ท่ามกลางสถานการณ์สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของไทยที่ยังตกต่ำลง และข้อเรียกร้องจากนานาชาติที่อยากเห็นไทยแสดงท่าทีและจุดยืนให้ชัดเจน หยุดทำลับๆ ล่อๆ ต่อสถานการณ์การก่ออาชญากรรมสงครามในประเทศเพื่อนบ้าน

สส.เบญจา กล่าวว่า เธอรู้สึกผิดคาดและผิดหวังที่เห็นนายกฯ ไม่มาตอบกระทู้ เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เดียวที่จะตัดสินใจต่อกรณีการดำเนินงานเรื่องนี้ได้ และสภาฯ แห่งนี้ก็ควรเป็นพื้นที่ที่นายกรัฐมนตรีควรได้ใช้ชี้แจงต่อชาวไทย ชาวเมียนมา และประชาคมโลก

สส.เบญจา กล่าวว่า วันนี้องค์กรระหว่างประเทศได้ใช้ทุกวิถีทางเพื่อแสวงหาสันติภาพและประชาธิปไตยในประเทศพม่า ทั้งมาตรการคว่ำบาตรต่อรัฐบาลทหาร เรียกร้องให้กองทัพคืนอำนาจให้กับประชาชน ปล่อยนักโทษคดีการเมือง และขอร้องไม่ให้ประเทศสมาชิกสหประชาชาติส่งอาวุธให้กองทัพเมียนมานำไปใช้เข่นฆ่าประชาชนอีก แต่ประเทศไทยซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุดของเมียนมา นอกจากจะไม่ช่วยแก้ไขวิกฤตการณ์แล้ว ยังกำลังกระทำในสิ่งที่อาจจะกลายเป็นการบั่นทอนความพยายามของนานาชาติในการแก้ไขปัญหาด้วย

เบญจา กล่าวต่อไปว่า กลไกสำคัญที่ทำให้รัฐบาลทหารพม่ายังคงสามารถทำสงครามเข่นฆ่าประชาชนได้ ไม่ได้มีเพียงแต่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยที่ถูกใช้เป็นทางผ่านเงินของรัฐบาลทหารเมียนมาเพื่อนำไปสนับสนุนการจัดซื้ออาวุธ แต่ยังมีบริษัทรัฐวิสาหกิจไทยที่รัฐบาลไทยถือหุ้นอยู่มากกว่าครึ่งหนึ่ง อย่าง ปตท. และบริษัทในเครืออย่าง ปตท.สผ. ที่มีส่วนในการสนับสนุนเงินทุนให้รัฐบาลทหารเมียนมา ผ่านการจ่ายเงินค่าก๊าซจากการลงทุนรับซื้อก๊าซในโครงการ “ยาดานา” และ “ซอติกา” ในอ่าวเมาะตะมะ ประเทศพม่า

อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ pttplc ระบุว่า กระทรวงการคลังของรัฐบาลไทย ถือหุ้นใน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จำนวน 14,598,855,750 หุ้น หรือคิดเป็น 51.11 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่หุ้นของ ปตท.สผ. (PTTEP) มีผู้ถือหุ้นหลักคือ บริษัท ปตท. คิดเป็นร้อยละ 63.79 ของสัดส่วนหุ้น ปตท.สผ.ทั้งหมด 

สส.พรรคก้าวไกล กล่าวว่า เธอจึงอยากฟังคำตอบจากนายกรัฐมนตรีในวันนี้ว่า รัฐบาลไทยจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร ไม่ให้รัฐวิสาหกิจไทยกลายเป็นเครื่องมือในการส่งเงินให้กับรัฐบาลทหารเมียนมา และกลายเป็นอาวุธที่ใช้ในการเข่นฆ่าประชาชนอีก แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่วันนี้เธอยังไม่มีโอกาสนั้น โอกาสในการร่วมกันหาหนทางเพื่อแสวงหาสันติสุขให้กับเพื่อนมนุษย์ ฟื้นฟูประชาธิปไตยในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านได้ ในชีวิตเราทุกคนจะมีโอกาสสักกี่ครั้งที่จะได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้สร้างชาติ รอดจากความตาย และฟื้นฟูประเทศกลับมาได้

"สถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้านไม่ใช่เรื่องของเบญจา หรือนายกรัฐมนตรี หรือพรรคก้าวไกล ไม่ใช่แค่เรื่องของสภาฯ แห่งนี้ แต่เป็นเรื่องการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ดิฉันขอเรียกร้องต่อรัฐบาลไทยอย่าปล่อยให้เงินทุกบาทของประชาชนคนไทยกลายไปเป็นเครื่องมือในการเข่นฆ่าประชาชนในประเทศเพื่อนบ้านอย่างไร้มนุษยธรรมอีกต่อไป ในวันที่ประเทศเพื่อนบ้านกำลังบ้านแตกสาแหรกขาด ไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ทุกคนมีส่วนร่วมได้ด้วยการหาน้ำสะอาดให้พวกเขาดื่ม ให้เขามีที่นอนที่ปลอดภัย ฝากรัฐบาลพาประเทศไทยกลับไปยืนในเวทีโลกอย่างสง่างาม ช่วยแสวงหาแนวทางแก้ไขและคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นในเมียนมาขณะนี้ แสดงท่าทีให้เราทุกคนเห็นว่ารัฐบาลนี้สนับสนุนการฟื้นฟูประชาธิปไตยของทั้งไทยและเพื่อนบ้าน" เบญจา กล่าว

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net