Skip to main content
sharethis

ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ “เศรษฐา ทวีสิน” พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในคดี 40 สว. ยื่นถอดถอน จากกรณีแต่งตั้ง "พิชิต ชื่นบาน" เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าพิชิตขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ โดยคำตัดสินนี้มีผลให้เศรษฐาและคณะรัฐมนตรีพ้นสภาพโดยทันที โดยแคนดิเดตในการเลือกนายกฯ คนใหม่ ได้แก่ แพทองธาร ชินวัตร, ชัยเกษม นิติศิริ, อนุทิน ชาญวีรกูล, พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา, พีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ

 

14 ส.ค. 2567 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่งนายกฯ กรณี 40 สว. ได้ยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภาว่าเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้นำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าพิชิต ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 วินิจฉัยให้เศรษฐาสิ้นสุดการเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และมีพฤติการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5)

ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าผู้ถูกร้องที่ 1 (เศรษฐา ทวีสิน) รับรู้ข้อเท็จจริงต่างๆ เกี่ยวกับพฤติการณ์ต่างๆ ของผู้ถูกร้องที่ 2 (พิชิต ชื่นบาน) ดังกล่าวโดยตลอดแล้วแต่ยังเสนอแต่งตั้งให้ผู้ถูกร้องที่ 2 เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแสดงให้เห็นว่าผู้ถูกร้องที่ 1 ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 อนุ 4 ย่อมเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระรวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่ยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 หมวด 1 ข้อ 8 ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตซึ่งข้อ 27 วรรค 1 กำหนดให้การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมในหมวด 1 ให้ถือว่ามีลักษณะร้ายแรงอันเป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 160 ด้วย

อาศัยด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 วินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องที่ 1 นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ 170 วรรค 1 อนุ 4 เนื่องจากไม่มีความสุจริตเป็นที่ประจักษ์ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ 160 อนุ 4 และมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 160 อนุ 5 เมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดล คณะรัฐมนตรีทั้งคณะต้องสิ้นสุดลงไปด้วยตามรัฐธรรมนูญ 167 วรรค 1 อนุ 1 โดยให้นำมาตรา 168 วรรค 1 อนุ 1 มาใช้บังคับกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีที่พ้นตำแหน่งต่อไป

คำวินิจฉัยดังกล่าวของศาลรัฐธรรมนูญมีผลให้เศรษฐาและคณะรัฐมนตรีพ้นสภาพจากตำแหน่งโดยทันที

 

สรุปคำวินิฉัยศาลรัฐธรรมนูญถอด "เศรษฐา"

ประธานวุฒิสภาส่งคําร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 42 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ (เรื่องพิจารณาที่ 17/2567)

สมาชิกวุฒิสภา จํานวน 40 คน ยื่นคําร้องต่อประธานวุฒิสภา (ผู้ร้อง) ว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้องที่ 1) ได้นําความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรี ประจําสํานักนายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้องที่ 2) เป็นรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ทั้ง ๆ ที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า พิชิต ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากพิชิต เคยถูกศาลฎีกาสั่ง จําคุกเป็นเวลา 5 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอํานาจศาล เป็นบุคคลที่กระทําการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องทั้งสองสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ ผู้ร้องจึงส่งคําร้องเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82

ต่อมาพิชิต ลาออกจากตําแหน่งรัฐมนตรีแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั่งไม่รับคําร้องเฉพาะส่วนของพิชิต สําหรับกรณีของเศรษฐา มีคําสั่งรับไว้ พิจารณาวินิจฉัย ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั่งรับคําชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา คําชี้แจงและเอกสารหลักฐานของบุคคล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งคําแถลงการณ์ปิดคดีของคู่กรณีรวมไว้ในสํานวน และเห็นว่าคดีมีพยานหลักฐาน เพียงพอที่จะพิจารณาได้ จึงยุติการไต่สวนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง กําหนดประเด็นที่ต้องพิจารณาวินิจฉัยว่า ความเป็น รัฐมนตรีของเศรษฐา นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่

พิจารณาเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญตามคําปรารภที่ว่า รัฐธรรมนูญนี้วางกลไกป้องกัน ตรวจสอบ และขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบที่เข้มงวด เด็ดขาด เพื่อมิให้ผู้บริหารที่ปราศจากคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลเข้ามามีอํานาจในการปกครองบ้านเมืองหรือใช้อํานาจตามอําเภอใจ จึงบัญญัติคุณสมบัติและ ลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีไว้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 เป็นคุณสมบัติและลักษณะ ต้องห้ามเพิ่มเติมจากลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98

เศรษฐา กล่าวอ้างว่าตนมีภูมิหลังจากการประกอบธุรกิจ มีประสบการณ์ทางการเมืองที่จํากัด ไม่มีความรู้ทางด้านนิติศาสตร์หรือรัฐศาสตร์ จึงไม่อาจวินิจฉัยว่าพิชิต เป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ เป็นข้ออ้างที่รับฟังไม่ได้ เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในฝ่ายบริหารทุกการตัดสินใจมีผลกระทบต่อบ้านเมืองจึงต้องมีความรับผิดชอบในทุกการกระทํา ประกอบกับหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริตและความน่าเชื่อถือหรือไว้วางใจต่อสาธารณชนนั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่ประจักษ์ชัดในลักษณะภาวะวิสัย

ข้อเท็จจริงปรากฏในคําสั่งศาลฎีกาที่ 4599/2551 ที่วินิจฉัยว่า เสมียนทนายความที่ทํางาน ประสานงานให้พิชิต นําถุงกระดาษใส่เงินสดมอบให้เจ้าหน้าที่ของศาลฎีกาโดยที่รู้หรือควรรู้ว่าภายใน ถุงกระดาษดังกล่าวมีเงินสดอยู่ และพิชิต มีพฤติการณ์ที่เชื่อได้ว่ามีส่วนรู้เห็นในการกระทําดังกล่าวด้วยในลักษณะเป็นตัวการร่วม โดยมีเจตนาจูงใจให้เจ้าหน้าที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองกระทําการอันมิชอบด้วยหน้าที่ที่อาจเชื่อมโยงไปเป็นประโยชน์แก่จําเลยในคดีหมายเลขดําที่ อม. 1/2550 ซึ่งเป็น ลูกความของพิชิต การกระทําดังกล่าวเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล เป็นความผิดฐาน ละเมิดอํานาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 (1) และมาตรา 33 ประกอบประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 83 และน่าจะมีมูลความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 หรือความผิดอื่นต่อเจ้าพนักงาน สั่งลงโทษพิชิต ฐานละเมิดอํานาจศาล ล้วนเป็นข้อเท็จจริง ที่สาธารณชนต่างรู้กันโดยทั่วไป และสภาทนายความ เห็นว่า การที่พิชิต ถูกลงโทษในคดีละเมิดอํานาจ ศาลตามคําสั่งศาลฎีกาข้างต้น เป็นการกระทําที่ไม่เคารพยําเกรงอํานาจศาล ทําให้เสื่อมเสียอํานาจศาล หรือผู้พิพากษา และกระทบต่อความเชื่อมั่นของกระบวนการยุติธรรมไทย เป็นการกระทําผิดตามข้อบังคับ สภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 ข้อ 6 และข้อ 18 ให้ลบชื่อพิชิต กับผู้ถูกกล่าวหาที่เกี่ยวข้องออกจากทะเบียนทนายความ

เศรษฐา รู้ถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวโดยตลอดแล้ว แต่ยังคงเสนอให้แต่งตั้งพิชิต เป็นรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ตามพระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี ฉบับลงวันที่ 27 เมษายน 2567 เศรษฐา จึงไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4)

การที่เศรษฐา รู้หรือควรรู้ถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ เกี่ยวกับพฤติการณ์ต่าง ๆ ของพิชิต ดังกล่าวโดยตลอดแล้ว แต่ยังเสนอแต่งตั้งให้พิชิต เป็นรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี แสดงให้เห็นว่า เศรษฐา ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) ย่อมเป็น

กระทําการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 หมวด 1 ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งข้อ 27 วรรคหนึ่ง กําหนดให้การฝ่าฝืนหรือไม่ ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมในหมวด 1 ให้ถือว่ามีลักษณะร้ายแรง อันเป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5) ด้วย

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก (5 ต่อ 4) วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องที่ นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5) เมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) แล้ว รัฐมนตรีต้องพ้นตําแหน่ง ทั้งคณะตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 วรรคหนึ่ง (1) โดยให้นํามาตรา 168 วรรคหนึ่ง (1) มาใช้บังคับกับการ ปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตําแหน่งต่อไป

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก จํานวน 5 คน คือ นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ เห็นว่า ความเป็น รัฐมนตรีของเศรษฐา นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบ มาตรา 160 (4) และ (5)

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จํานวน 4 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายนภดล เทพพิทักษ์ นายอุดม รัฐอมฤต และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ เห็นว่า ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องที่ นายกรัฐมนตรี ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) 

 

เปิดรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ คนใหม่

จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 เสียง วินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของ เศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ สืบเนื่องจากกรณีแต่งตั้งบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าขาดคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี

การพ้นจากเก้าอี้ของหัวหน้าฝ่ายบริหาร ส่งผลให้รัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะทำหน้าที่รักษาการจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ โดยมี ภูมิธรรม เวชยชัย ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี

บีบีซีไทยรวบรวมไว้ว่า สำหรับบุคคลที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนใหม่ได้ ต้องมีชื่ออยู่ในบัญชีนายกฯ ของพรรคการเมืองที่มี สส. ในสภาไม่น้อยกว่า 5% หรือมี สส. เกิน 25 เสียงขึ้นไป ซึ่งขณะนี้เหลืออยู่ 7 คน จาก 5 พรรค ได้แก่

พรรคเพื่อไทย:

  • แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค
  • ชัยเกษม นิติสิริ สส.บัญชีรายชื่อ

พรรคภูมิใจไทย:

  • อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค

พรรคพลังประชารัฐ

  • พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค

พรรครวมไทยสร้างชาติ

  • พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี (บีบีซีไทยระบุว่ายังไม่เคยลาออกจากบัญชีแคนดิเดตนายกฯ)
  • พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค

พรรคประชาธิปัตย์

  • จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  สส.บัญชีรายชื่อ

 

 

หมายเหตุ : มีการเพิ่มเติมเนื้อหา เวลา 16.53 น.

 

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net