Skip to main content
sharethis

พ่อของ “พลทหารวรปรัชญ์” ที่ถูกซ้อมจนเสียชีวิตในค่ายทหาร เผยลูกตั้งใจสมัครทหารเองเพราะอยากสอบนายสิบเพื่อส่งเสียน้องสาว 2 คน อีกทั้งมีไอดอลเป็นน้าที่รับราชการทหาร ลูกชายทั้งไปออกกำลังลดน้ำหนักออกจากโรงเรียนเพื่อสมัครจนได้เป็นทหารตามที่หวัง ย้ำดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุถึงที่สุด

16 ส.ค.2567 จากกรณีการเสียชีวิตของพลทหารวรปรัชญ์ พัดมาสกุล ค่ายนวมินทร์ จ.ชลบุรี อายุ 18 ปี จากเหตุการณ์ที่วรปรัชญ์ถูกนายทหารซ้อมทำร้ายร่างกาย พ่อของวรปรัชญ์ (ไม่สะดวกให้ชื่อนามสกุลด้วยเหตุผลทางธุรกิจ) ให้สัมภาษณ์กับประชาไทเกี่ยวกับชีวิตของลูกชายและเป้าหมายที่ไปสมัครทหารของลูก

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

พ่อของวรปรัชญ์เล่าว่า ถึงตนแยกทางกับแม่ของวรปรัชญ์ตั้งแต่เขาอายุ 2 ขวบ แต่ก็เลี้ยงดูส่งเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ ในชีวิตและค่าเล่าเรียนของลูกชายมาโดยตลอด สนิทกับลูกมากเหมือนเพื่อนคุยกันได้ทุกเรื่องมีอะไรก็ปรึกษากันตลอดรวมถึงเรื่องที่วรปรัชญ์อยากจะเป็นทหารด้วย

เขาบอกว่า ก่อนวรปรัชญ์จะสมัครเข้าไปเป็นทหารยังเป็นแค่นักเรียน ม.6 ที่อีกไม่นานก็จะเรียนจบแล้ว แต่ลูกก็ยังตั้งเป้าจะสมัครเข้าไปเป็นทหารแล้วก็ค่อยไปเรียนต่อ กศน. จากนั้นก็สมัครสอบนายสิบเพื่อที่จะได้เป็นทหารอาชีพอย่างที่หวังตามรอยน้าของเขาที่เป็นทหารประจำการที่ถือว่าเป็นไอดอลของเขาด้วย แม้ว่าลุงของวรปรัชญ์ที่เป็นตำรวจอยู่จะเคยแนะนำเอาหนังสือมาให้ไปสมัครเป็นตำรวจแทน แต่วรปรัชญ์ก็ยังยืนยันที่จะไปเป็นทหาร โดยหวังที่จะได้มีรายได้มาเลี้ยงน้องสาวต่างพ่อ 2 คน

“ตอนแรกเขาไป ค่ามวลกายไม่ผ่านเขาก็เลยกลับมาลดน้ำหนักไป 10 กิโลก็ไปซ้อมมวยไปวิ่ง เขาก็ส่งเลขตาชั่งมาให้ผมดูว่าวันนี้ลดได้เท่านี้นะพ่อ ช่วงที่เขาไม่ซ้อมผมก็บอกว่าจะได้หรือเปล่าเขาก็กลับไปทำต่อ จนวันที่เขาไปตรวจมวลกายอีกรอบหนึ่ง เขาก็บอกว่าผมว่าผ่านแล้วนะพ่อ” พ่อของวรปรัชญ์เล่าถึงตอนที่ลูกชายเตรียมก่อนจะไปสมัครเป็นทหาร

ชีวิตด้านอื่นๆ ของวรปรัชญ์ พ่อของเขาเล่าว่าโดยปกติแล้วลูกชายก็จะไปช่วยแม่ขายขนมในตลาด เรื่องค่ากินค่าอยู่ตัวเขาเองก็ช่วยกันออกกับแม่ของวรปรัชญ์ แต่ลูกชายที่เป็นเด็กติดเกมก็ยังหาเงินมาจ่ายค่าอินเตอร์เนตเองได้อยู่

“ผมก็คุยกับลูกตลอด ผมเคยมีปัญหากับเขาครั้งหนึ่งตอนที่เขาเข้ามัธยมปลายใหม่ๆ เขาบอกว่าพ่อไม่ดูแลผมเลยก็ถามว่าไม่ดูแลตรงไหน เขาก็น้อยใจที่ผมไม่ไปหาเขาเลย เขาเป็นคนขี้น้อยใจ”

พ่อของวรปรัชญ์บอกว่าตนเคยปรึกษากับครูให้ช่วยกันดึงลูกกลับมาเรียนให้จบก่อนเพราะเหลืออีกไม่กี่เดือนแล้วค่อยไปสมัครตอนเกณฑ์ทหารดีกว่า แต่ลูกชายก็ยังยืนยันคำเดิมแล้วก็ยอมดร็อปการเรียนในโรงเรียนไป

เขาเล่าต่อว่าก่อนหน้านี้วรปรัชญ์เคยอยากจะไปสมัครทหารที่กรุงเทพ ก็แซวลูกอยู่ว่าคงกะว่าจะได้อยู่ใกล้สาว แต่เขาก็ขอลูกว่าให้มาสมัครทหารใกล้ๆ จะได้เจอกันได้ง่ายๆ ตัวเขาเองจะได้ไปส่ง น้าที่เป็นทหารก็ช่วยพูดว่ามาสมัครที่ค่ายนี้จะได้ไม่ลำบากแม่ที่ไม่มีรถด้วย ทำให้ลูกชายยอมมาสมัครที่ค่ายนวมินทร์ แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะได้อยู่คนละกองพันกับน้า

วันสุดท้ายที่พ่อของวรปรัชญ์ได้เจอกับลูกชายคือวันที่ไปส่งวรปรัชญ์เข้ารายงานตัวที่ค่ายแล้วก็มีไลน์คุยกันบ้างในวันนั้นเป็นเรื่องอาหารการกินความเป็นอยู่ เขายังได้บอกกับวรปรัชญ์ด้วยว่าถ้าได้เงินมาก็ไม่ต้องส่งเงินให้เพราะดูแลตัวเองได้ แค่ให้แม่กับส่งเสียน้องๆ ก็พอแล้ว

หลังเกิดเหตุตั้งแต่ตอนที่พบว่าลูกถูกซ้อมจนเข้าโรงพยาบาล พ่อของวรปรัชญ์ก็ไปดำเนินการช่วยหาทนายความจนได้เกิดผล แก้วเกิดมาช่วยเป็นทนายความเพราะมองไปทางไหนก็หาไม่ได้แล้ว ก็พาทนายความไปเจอกับผู้บังคับบัญชาและผู้ก่อเหตุเพื่อติดตามเรื่อง

ส่วนเรื่องคดีและความช่วยเหลือจากทางค่ายทหาร พ่อของวรปรัชญ์บอกว่าได้รับความช่วยเหลือจากผู้บังคับบัญชาของผู้ก่อเหตุที่ช่วยติดตามผู้ก่อเหตุที่หลบหนีให้และมีการไต่สวนหาข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุพ่อของวรปรัชญ์ก็ยืนยันว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างเต็มที่

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net