Skip to main content
sharethis

“พีมูฟ” เข้ายื่นข้อเสนอทางนโยบาย 10 ด้านจากภาคประชาชนต่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทย พร้อมยื่นข้อเสนอทางนโยบายด้านที่ดินและทรัพยากรต่อพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้หยุดคุกคามและคุ้มครอง “ไร่หมุนเวียน” ของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ยืนยันว่าการแก้ไขปัญหาของประชาชนต้องดำเนินต่อไป ไม่ควรติดขัดหรือล่าช้าไปมากกว่าที่ผ่านมา ตัวแทนทั้งสองพรรครับข้อเสนอทางนโยบาย พร้อมยืนยันว่าหากประเด็นใดสามารถบรรจุในนโยบายรัฐบาลได้ จะดำเนินการตามข้อเสนอ

 

3 ก.ย. 2567 เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา เวลา 09.00 น. ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ พีมูฟ จากทั่วประเทศ เช่น สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.) เครือข่ายสลัม 4 ภาค เครือข่ายกะเหรี่ยงตะวันตกเพื่อสังคมที่เป็นธรรม เครือข่ายไทดำ จ.สุราษฏร์ธานี ได้รวมตัวกันยังบริเวณด้านหน้าทางเข้ารัฐสภาพร้อมรถเครื่องเสียง เพื่อเข้าพบพรรคเพื่อไทย ณ ห้องแถลงข่าวรัฐสภา ที่เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ในวันนี้

เวลา 09.30 น. ‘สรวงศ์ เทียนทอง’ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย ได้ออกมารับข้อเสนอทางนโยบาย 10 ด้าน ของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม  (P-Move) ได้แก่ 1)ด้านสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย 2)ด้านการกระจายอำนาจ 3)ด้านนโยบายการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม 4)ด้านนโยบายที่ดินและการคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม 5)ด้านนโยบายการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ 6)ด้านการป้องกันภัยพิบัติ 7)ด้านการคุ้มครองชาติพันธุ์และสิทธิความเป็นมนุษย์ 8)ด้านสิทธิของคนไร้สถานะ 9)ด้านนโยบายรัฐสวัสดิการ และ 10) ด้านที่อยู่อาศัย ซึ่งจากรัฐบาล ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ได้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมเป็นธรรมมาแล้วระยะหนึ่ง ภายใต้กลไกคณะกรรมการแก้ไขปัญหาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ซึ่งมีภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการฯ

p move

 

p move

 

p move

 

สรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ในนามพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เห็นถึงความสำคัญของนโยบาย 10 ด้านของพีมูฟที่เสนอมา และมั่นใจว่าหลายข้อเสนอมีบรรจุไว้ในนโยบายของพรรคเพื่อไทยเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ในเชิงรายละเอียดของแต่ละนโยบาย จะมอบหมายให้คณะกลั่นกรองกฎหมายของพรรคศึกษารายละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากนโยบายทั้งหมดที่พีมูฟเสนอเกี่ยวข้องกับนโยบายทั้งสิ้

“ผมเป็นส.ส.ต่างจังหวัด ผมเข้าใจและเห็นด้วยกับสิ่งที่พีมูฟได้เสนอมา หลังจากนี้ จะนำข้อเสนอไปพัฒนาให้เกิดการปฏิบัติให้เร็วที่สุดและทั่วถึงที่สุด” สรวงศ์กล่าว

ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และที่ปรึกษาด้านกฎหมายของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส่วนตัวติดตามกลุ่มพีมูฟมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นกลุ่มประชาชนที่ขับเคลื่อนเรื่องสิทธิพลเมือง สิทธิสาธารณะ และสิทธิชุมชน ทำให้เข้าใจถึงประเด็นปัญหาเป็นอย่างดี ซึ่งหลายข้อเสนอเป็นประเด็นที่ถูกบรรจุไว้ในนโยบายของรัฐบาลนี้ เช่น รัฐธรรมนูญ การแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และประเด็นที่ดินและทรัพยากร โดยส่วนตัวเห็นว่า การนำนโยบายของพีมูฟมาเสนอต่อรัฐบาลเช่นนี้เป็นเรื่องที่ดี และเป็นจังหวะที่ดีเพราะรัฐบาลกำลังพัฒนานโยบายเพื่อแถลงต่อรัฐสภา ทางพรรคเพื่อไทยอาจจะนำนโยบายชุดนี้ไปเสนอต่อคณะนโยบาย หากมีประเด็นใดที่สามารถบรรจุในนโยบายได้ก็พร้อมที่จะทำ

ธีรเนตร ไชยสุวรรณ ประธานคณะกรรมการบริหารขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมกล่าวว่า แม้ทางตัวแทนพรรคเพื่อไทยจะกล่าวว่า หลายประเด็นที่พีมูฟเสนอเป็นประเด็นที่ถูกบรรจุไว้ในนโยบายของรัฐบาลแล้ว แต่ส่วนตัวยังคงกังวล เนื่องจากยังเป็นการพูดถึงในเชิงภาพรวมของประเด็นนโยบาย ดังนั้น ควรมีการหารือเชิงรายละเอียดของนโยบายแต่ละประเด็น เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันมากขึ้น ซึ่งเบื้องต้นทางตัวแทนพีมูฟได้นัดหมายหารือร่วมกันอีกครั้งกับทางตัวแทนพรรคเพื่อไทยในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ย. 67)

“ยังกังวลในเชิงรายละเอียดของนโยบายแต่ละประเด็น เช่น ที่ดินและทรัพยากร ว่าที่รัฐบาลชุดนี้มีแนวโน้มจะดำเนินการ Mega Project ซึ่งจะจำกัดการถือครองที่ดินและสิทธิในการจัดการทรัพยากรวันนี้เรามาเสนอนโยบายของประชาชน รวมถึงหลาย ๆ ประเด็นที่ต้องผลักดันกันต่อ หวังว่านโยบายของประชาชนจะถูกนับเป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลที่นำโดยนายกฯแพทองธาร นโยบายเหล่านี้เกิดขึ้นมาจากปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน หวังว่ารัฐบาลจะดำเนินแก้ไขปัญหาด้วย และเรายืนยันว่าจะมาติดตามนโยบายอย่างใกล้ชิดทั้งที่รัฐสภาและทำเนียบรัฐบาล” ธีรเนตรกล่าว

เวลา 10.30 น. กลุ่มพีมูฟได้เดินทางไปยังพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเข้ายื่นข้อเสนอทางนโยบายด้านที่ดิน ป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติ ถึง ‘เฉลิมชัย ศรีอ่อน’ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมี ‘นริศ ขำนุรักษ์’ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นตัวแทนพรรครับหนังสือ ซึ่งทางพีมูฟมีข้อเสนอต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสรุปดังนี้

1. ให้ยกเลิกนโยบายทวงคืนผืนป่าอันเกิดจากแผนแม่บทแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้การ บุกรุกที่ดินของรัฐและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

2. ทบทวนแผนการเพิ่มพื้นที่ป่า 40% รวมถึงแผนการเพิ่มพื้นที่ป่าตามกฎหมายป่าไม้ฉบับอื่นๆ โดยให้กระทรวงทรัพยากรฯ สั่งการยืนยันไม่ให้ใช้แนวนโยบายและกฎหมายบีบบังคับให้ชาวบ้านต้องสูญเสียที่ดินตามนโยบายดังกล่าว

3. ทบทวนแนวทางและมาตรการในโครงการจัดที่ดินชุมชน ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เนื่องจากไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม หลักการรับรองสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากรที่ดินในรูปแบบโฉนดชุมชน โดยผลักดันให้มี พ.ร.บ.สิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากร (ในรูปแบบโฉนดชุมชน

4. ยุติการนำนโยบาย มติ และระเบียบของ คทช. ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 เรื่อง มาตรการและแนวทางการแก้ไขปัญหาชุมชนในพื้นที่ป่าไม้ทุกประเภท มาบังคับใช้กับชุมชนที่มีรูปแบบการจัดการที่ดินในรูปแบบโฉนดชุมชน เนื่องจากไม่สอดคล้องกับบริบทพื้นที่

5. ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 30 มิถุนายน 2541 รวมทั้งมติอื่นที่เป็นอุปสรรคในการบริหารจัดการที่ดินโดยชุมชน อาทิ มติคณะรัฐมนตรีในการจัดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ

6. ยกเลิกพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562, พระราชบัญญัติสวงนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 และพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ.2562 เนื่องจากมีเนื้อหาที่ลิดรอนและละเมิดสิทธิชุมชน

7. ให้ทบทวนนโยบายคาร์บอนเครดิต ที่อาจส่งผลกระทบต่อการยึดที่ดินของชุมชนเพื่อสนับสนุน/ส่งเสริมการฟอกเขียวของภาคอุตสาหกรรมที่ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปัญหาโลกร้อน

8. ให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรฯ ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 16 ตุลาคม 2566 เรื่อง เห็นชอบในหลักการและแนวทางการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม 6 ประการ ข้อที่ 3.1 “ควรยุติการคุกคามพื้นที่สมาชิกของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ด้วยการยุติการแจ้งความดำเนินคดีในทุกพื้นที่ คดีใหม่ต้องไม่มี หรือให้ยุติทุกกรณี คดีเก่าที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมให้มีมาตรการจำหน่าย หรือชะลอการดำเนินคดี และนำเข้าสู่การนิรโทษกรรมแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ”

9. ให้ชุมชนในฐานสมาชิกของ ขปส. สามารถเข้าถึงระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน รวมถึงการพัฒนาที่อยู่ อาศัย และโครงการพัฒนาต่างๆ ของรัฐ อาทิ ถนน ประปา ไฟฟ้า ได้

p move

 

p move

 

จรัสศรี จันทร์อ้าย รองประธานคณะกรรมการบริหารขบวนการประชาชนเพื่อเป็นธรรม และคณะกรรมการบริหารสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ได้เสนอนโยบายการจัดการปัญหาไฟและฝุ่นควัน PM 2.5 ในพื้นที่ป่าภาคเหนือร่วมด้วย เช่น ขอให้ทบทวนมาตรการห้ามเผาในพื้นที่การเกษตรในระบบไร่หมุนเวียน เนื่องจากผลกระทบจากนโยบายห้ามเผากระทบต่อระบบไร่หมุนเวียน ยกเลิกรวมศูนย์อำนาจรัฐและผูกขาดกลไกการบริหารจัดการ สนับสนุนแผนการจัดการไฟและ PM 2.5 ของชุมชนและ อปท. สนับสนุนการกระจายอำนาจในการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติโดยชุมชน โดยการสนับสนุน ‘โฉนดชุมชน’ และเพิกถอนพื้นที่การจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติของชุมชนออกจากกฎหมายป่าไม้ทุกฉบับ

นิราพร จะพอ ตัวแทนชุมชนบ้านห้วยหินลาดใน อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ได้ยื่นหนังสือต่อว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ให้ยุติการคุกคามและเร่งคุ้มครองระบบการเกษตรแบบไร่หมุนเวียนของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโดยเร่งด่วน (จากกรณีเจ้าหน้าที่ชายชุดดำที่คาดว่าสังกัดกรมป่าไม้ ได้เข้ามาทำลายข้าวของในพื้นที่ไร่หมุนเวียน เมื่อช่วงต้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา) โดยมีข้อเสนอดังนี้

1. ให้กระทรวงทรัพยากรฯ เปิดประชุมร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนและหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพย์ฯ โดยเร่งด่วน เพื่อเร่งทำความเข้าใจต่อหน่วยงานและจัดทำแผนการดำเนินการพื้นที่คุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองทันทีตามกฎหมายชาติพันธุ์ฯ รวมถึงต้องสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสังคมเกี่ยวกับระบบการเกษตรแบบ ‘ไร่หมุนเวียน’ ของชุมชนชาติพันธุ์

2. ให้เร่งตรวจสอบการดำเนินการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในประเด็นการคุกคามไร่หมุนเวียนในพื้นที่ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านห้วยหินลาดใน และชุมชนอื่น ๆ โดยเฉพาะนโยบายการเพิ่มพื้นที่ป่า และมาตรการจัดการไฟป่า ฝุ่นควัน มาตรการห้ามเผา

3. ให้พรรคประชาธิปัตย์ ผลักดันให้มี ‘ระบบการเกษตรแบบไร่หมุนเวียน’ ให้ได้รับการรับรองผ่านคำแถลงนโยบายของรัฐบาล ในหมวดที่ว่าด้วยเรื่องสิทธิในการจัดการที่ดิน และรูปแบบเกษตรกรรมที่ต้องได้รับการคุ้มครอง

“หากถามว่ามีความหวังกับรัฐบาลใหม่ หรือรัฐมนตรีฯ คนใหม่มากแค่ไหน คงตอบได้ว่าพยายามจะมีความหวัง เราอยากให้พี่น้องชาติพันธุ์ที่ถูกคุกคามโดยกฎหมาย ลุกขึ้นมาเรียกร้องและยืนยันว่า เราต้องการให้ไร่หมุนเวียนยังดำรงต่อไปได้ ถ้าเรารอให้รัฐบาลดำเนินการคงเป็นไปได้ยาก เราในฐานะประชาชนก็ต้องผลักดันควบคู่กันไปด้วย” นิราพรกล่าว

นริศ ขำนุรักษ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้เฉลิมชัย ศรีอ่อน ยังไม่ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรฯ อย่างเป็นทางการ กำลังอยู่ในระหว่างรอการโปรดเกล้าฯ ส่วนข้อเสนอทางนโยบายด้านการจัดการทรัพยากร และนโยบายการจัดการปัญหาไฟและฝุ่นควัน PM 2.5 ในพื้นที่ป่าภาคเหนือ เป็นข้อเสนอที่ดีและจะพยายามทำให้เกิดการปฏิบัติได้ให้มากที่สุด จากประสบการณ์ที่เคยเป็นคณะกรรมาธิการที่ดิน ได้เล็งเห็นถึงปัญหาคนอยู่กับป่านับล้านคนทั่วประเทศที่ต้องมีชีวิตไม่มั่นคง ขาดเสถียรภาพ ดังนั้น นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ที่คาดว่าจะแก้ไขปัญหานี้ได้คือ ทำแนวเขตพื้นที่ป่าและพื้นที่ชุมชนให้ชัดเจนทั่วประเทศภายใน 4 ปี ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการสำรวจและพิสูจน์สิทธิที่ดินในพื้นที่ป่าต่อไป หากพิสูจน์ได้ว่าอยู่มาก่อนการประกาศป่าสงวนแห่งชาติ ก็ต้องยืนยันว่าประชาชนมีสิทธิอยู่อาศัยได้ตามสิทธิที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

“ก่อนอื่นต้องขอบคุณทางพีมูฟที่เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นช่องทางในการยื่นข้อเรียกร้องได้อีกช่องทางหนึ่ง หากเราได้เป็นรัฐบาลและได้ดูแลกระทรวงทรัพยากรฯ เราจะนำข้อเสนอดี ๆ เหล่านี้ไปพัฒนาและดำเนินการต่ออย่างแน่นอน” นริศกล่าว

หลังจบกิจกรรม ทางเครือข่ายพีมูฟส่วนใหญ่ได้ทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาต่างจังหวัด และมีตัวแทนพีมูฟบางส่วนที่ยังอยู่ต่อเพื่อหารือนโยบายในเชิงรายละเอียดกับทางตัวแทนพรรคเพื่อไทยในวันที่ 3 ก.ย. 67 นี้ 

 

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net