Skip to main content
sharethis

โฆษกกองทัพพม่าประกาศว่ากองทัพมีแผนการเกณฑ์ชายอายุมากกว่า 35 ปี มาเป็นทหารกองหนุนเพื่อนำมาเป็นกองกำลังด้าน "ความปลอดภัยของประชาชนและต่อต้านการก่อการร้าย" แต่ก็มีข้อสังเกตว่ากองทัพพม่าประกาศแผนการนี้ในช่วงที่กำลังสูญเสียไพร่พลในการสู้รบอย่างหนัก

พล.ต. ซอมินทุน โฆษกของกองทัพพม่าประกาศว่าทางกองทัพมีแผนการที่จะเกณฑ์ชายอายุมากกว่า 35 ปีจากทั่วประเทศมาเป็นทหารกองหนุนแต่ไม่ได้เปิดเผยว่ามีการตั้งเกณฑ์อายุสูงสุดอยู่ที่เท่าไหร่ แต่ก่อนหน้านี้ตั้งแต่กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กองทัพพม่าเคยประกาศบังคับเกณฑ์ทหารชายอายุระหว่าง 18-35 ปี และหญิงอายุระหว่าง 18-27 ปี เป็นเวลา 2 ปี ยกเว้นคนที่มีทักษะวิชาชีพเฉพาะทางอย่างหมอและวิศวกร และยกเว้นคนที่อายุมากกว่า 35 ปี

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กองทัพพม่าเผชิญกับความพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องในรัฐชาติพันธุ์ ทางกองทัพจึงตัดสินใจบังคับให้ผู้ชายอายุวัยกลางคนขึ้นไปมาช่วยหนุนกองทัพด้วย

เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา กองทัพพม่าจัดตั้งคณะกรรมการควบคุมดูแลเพื่อความปลอดภัยของประชาชนและต่อต้านการก่อการร้าย นำโดย พล.ท. Tun Tun Naung  รัฐมนตรีกระทรวงกิจการชายแดน หน่วยงานดังกล่าวจะทำหน้าที่ฝึกซ้อมรบและติดอาวุธให้กับผู้ชายที่อายุมากกว่า 35 ปี เพื่อให้พวกเขาเป็นผู้คุ้มกันเขตและหมู่บ้านต่างๆ

คณะกรรมการดังกล่าวของกองทัพพม่าได้รับมอบหมายให้จัดตั้งสำนักงานของคณะกรรมการสาขาตามท้องถิ่นต่างๆ ทั้งในระดับภูมิภาค, อำเภอ และระดับเมืองเพื่อคอยกำกับดูแลกลุ่มกองกำลังด้าน "ความปลอดภัยของประชาชนและการต่อต้านการก่อการร้าย" ในระดับหมู่บ้านและระดับเขต และทางคณะกรรมการจะจัดหาเสบียงอาหาร, อาวุธ และการฝึกทหารให้กับกลุ่มกองกำลัง

นอกจากนี้คณะกรรมการของกองทัพเผด็จการ ยังมีหน้าที่กำกับดูแลทั้งการสนับสนุนการขนส่งลำเลียงในปฏิบัติการทางทหาร, ด้านความปลอดภัยหลังแนวหน้า, การฝึกอบรมกู้ภัย, การเกณฑ์ทหาร, และการชดเชยให้กับทหารเกณฑ์ผู้ที่ถููกสังหารหรือได้รับบาดเจ็บในการสู้รบ อีกทั้งยังได้รับมอบหมายให้เกณฑ์กำลังพลช่างเทคนิคมาเป็นผู้ใช้งานอาวุธเทคโนโลยีระดับสูงจากผู้ที่จะได้รับการผ่อนผันหรือละเว้นจากการเกณฑ์ทหาร

ถึงแม้วัตถุประสงค์ของทหารกลุ่มนี้จะถูกระบุว่า ให้รักษาความปลอดภัยแก่หมู่บ้าน เขต หรือเมืองของพวกเขา แต่ก็เป็นไปได้ว่าทหารกลุ่มนี้อาจจะถูกส่งไปยังแนวหน้าในช่วงที่กำลังรบของกองทัพร่อยหรอลงอย่างมาก

ในปี 2565 กองทัพเผด็จการพม่าได้ประกาศว่าจะจัดตั้ง "กลุ่มด้านความปลอดภัยของประชาชนที่ประกอบด้วยคนที่ต้องการจะรับใช้ทำประโยชน์เพื่อภูมิภาคของพวกเขา" กองทัพระบุว่าระบบการรักษาความปลอดภัยของประชาชนจะประกอบด้วยทหาร, ตำรวจ, กลุ่มสนับสนุนความปลอดภัยในชุมชน และพลเรือน

มินอ่องหล่าย ผู้นำเผด็จการยังได้ทำการหารือเรื่อง "ระบบความปลอดภัยของประชาชนและการป้องกันประเทศ" ตอนที่เขาพบปะกับกลุ่มพรรคการเมืองต่างๆ ที่ลงทะเบียนกับ กกต.พม่าเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา มินอ่องหล่ายเรียกร้องให้พรรคการเมืองต่างๆ เข้าร่วมกับกระบวนการนี้ในฐานะส่วนหนึ่งของแผนการจัดการเลือกตั้งในปี 2568

ในตอนที่กองทัพพม่าเสนอให้มีการบังคับเกณฑ์ทหารในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมานั้นเป็นช่วงเดียวกับที่กองทัพพม่ากำลังเผชิญกับความสูญเสียอย่างหนักทางตอนเหนือของรัฐฉานและที่รัฐยะไข่รวมถึงแนวหน้าแห่งอื่นๆ โดยที่กองทัพพม่ายังได้บังคับใช้กฎหมายกำลังสำรองในเดือนเดียวกันนั้นด้วย ซึ่งจะอนุญาตให้มีการเรียกทหารผ่านศึกกลับไปรบที่แนวหน้า

ส่วนการจัดตั้งทีมด้าน "ความปลอดภัยของประชาชนและการต่อต้านการก่อการร้าย" นี้มีขึ้นหลังจากที่กองทัพเผด็จการพม่าสูญเสียฐานบัญชาการทางตะวันออกเฉียงเหนือในทางตอนเหนือของรัฐฉานให้กับกองกำลังชาติพันธุ์และกองกำลังฝ่ายต่อต้าน ซึ่งเป็นความพ่ายแพ้ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน

กฎหมายบังคับเกณฑ์ทหารทำให้เกิดการอพยพครั้งใหญ่ของคนหนุ่มสาวในพม่าไปยังประเทศอื่นๆ หรือไม่เช่นนั้นก็ทำให้พวกเขาไปเข้าร่วมกับกลุ่มต่อต้านเผด็จการ

ผู้สังเกตการณ์พม่ากล่าวว่า การสั่งเกณฑ์ทหารชายอายุ 35 ปี และการจัดตั้งกลุ่มกองกำลังในระดับท้องถิ่นที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้ มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการที่กองทัพพม่าจะเตรียมการจัดการเลือกตั้งในปี 2568 มินอ่องหล่ายเคยบอกไว้ว่าสภากองทัพพม่าจะจัดการเลือกตั้งในปี 2568 ในช่วงที่มินอ่องหล่ายเดินทางไปเยือนมัณฑะเลย์ เขาได้กล่าวไว้ว่า "ประชาชนควรจะต้องมีส่วนร่วมในระบบความปลอดภัยของประชาชนเพื่อที่จะคืนเสถียรภาพให้แก่ระบบประชาธิปไตยแบบหลายพรรค"

อย่างไรก็ตามมีคนจำนวนมากมองว่าแผนการจัดเลือกตั้งของเผด็จการทหารนั้นเป็นแค่ข้ออ้างในการขยายเวลาการปกครองโดยกองทัพเท่านั้น ซึ่งกองทัพพม่าเป็นผู้ที่โค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของอองซานซูจีในเดือน ก.พ. 2564

 

เรียบเรียงจาก

Depleted Myanmar Military to Recruit Men Aged Over 35 for ‘Security’ Teams, The Irrawaddy, 27-28-2024

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net