Skip to main content
sharethis

ศิริกัญญาคาใจปมดิจิทัลวอลเล็ตจะจบตรงไหน พิชัย รมว.คลัง ชี้แจกเงิน 10,000 ก้อนแรก กลุ่มเปราะบาง 14.2 ล้านคน 25 ก.ย.นี้

12 ก.ย. 2567 ที่ประชุมรัฐสภาในวาระแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อเวลาประมาณ 17.10 น. ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน  ลุกขึ้นอภิปรายในประเด็นเศรษฐกิจ โดยระบุว่า นโยบายของรัฐบาลแพทองธารไม่ต่างจากรัฐบาลเศรษฐา แต่ยังเป็นนโยบายที่ชวนให้หลงทาง เนื่องจากมักใช้คำกว้าง ไม่ระบุสิ่งที่จะทำให้ชัดเจน โดยยกตัวอย่างคำแถลงนโยบายของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีรายละเอียดชัดเจน มีเป้าหมาย มีกรอบเวลาชัดเจนและตรงกับนโยบายที่สัญญาไว้ก่อนเลือกตั้ง

ศิริกัญญากล่าวว่าเอกสารแถลงนโยบายของรัฐบาลแพทองธาร ตรงกันกับวิสัยทัศน์ของทักษิณ จำนวน 11 ประเด็นจากทั้งหมด 14 ประเด็น เช่น การสร้างรายได้ใหม่โดยนำเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมาไว้บนดิน, การปรับโครงสร้างหนี้, การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นต้น

ศิริกัญญากล่าวว่า ตนไม่ได้กังวลในประเด็นที่ว่าจะมีใครครอบงำใครหรือไม่ แต่อยากเห็นนายกรัฐมนตรีสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่าจะดำเนินนโยบายต่างๆ ได้เอง ว่าในแต่ละนโยบายจะทำอะไรและทำอย่างไร

สำหรับประเด็นดิจิทัลวอลเล็ต ศิริกัญญากล่าวว่า โครงการนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่ากลุ่มใดจะได้เงินบ้าง และจะแจกในรูปแบบเงินสดหรือเงินดิจิทัล  จึงอยากชวนให้ประชาชนรีบเข้าไปลงทะเบียนกัน เนื่องจากวันที่ 15 กันยายนนี้จะหมดเขตลงทะเบียนแล้ว

ศิริกัญญาระบุว่าตนดีใจที่ในวันนี้มีความเห็นตรงกันกับรัฐบาลในเรื่องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ แต่ไม่แน่ใจว่าอาจเห็นต่างกันในรายละเอียดหรือไม่ ส่วนวิธีในการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจจะทำให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีวิธีดังนี้ การอัปสกิลแรงงาน ดึงดูดเทคโนโลยี ปฏิรูประบบราชการ กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น

รมว.คลังแจง เงิน 10,000 ก้อนแรก 

กลุ่มเปราะบาง 14.2 ล้าน เตรียมรับ 25 ก.ย.นี้

พิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตอบประเด็นของศิริกัญญาว่า เรื่องดิจิทัลวอลเล็ตก็จะทำให้ประชาชนเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลได้ เพราะการรับโอนเงินต่างๆ ถือเป็นเรื่องที่เป็นพื้นฐานที่สุดแม้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นระหว่างประชาชนกันเองและกับภาคเอกชนแล้วจากแอปของธนาคารต่างๆ แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือภาครัฐต้องเข้าไปเกื้อหนุนให้ประชาชนได้ใช้ด้วยแพลตฟอร์มของภาครัฐเองแล้วทำให้แพลตฟอร์มต่างๆ เชื่อมกันได้ด้วย Open loop

ส่วนประเด็นเรื่องจำนวนเงินที่ให้จะเป็นจำนวนเต็ม 10,000 บาทกับรายชื่อที่มีอยู่ 14.2 ล้านคนรวมเป็นเงินทั้งหมดประมาณ 1.4 แสนล้านบาท และจะเริ่มแจกได้ในวันที่ 25 ก.ย. 2567 นี้ ส่วนอีกผู้ลงทะเบียนอีก 30 กว่าล้านจะทำอย่างไรนั้นก็คงเป็นเรื่องที่จะให้ประชาชนได้มีดิจิทัลแพล็ตฟอร์ม และด้วยความที่มีงบจำกัดก็จะต้องไปปรับปรุงโครงสร้างที่เป็นจุดอ่อนของประเทศก่อนแล้วถ้าเงินเหลือจึงจะทำในสิ่งที่มีความสำคัญรองลงมา

พิชัยกล่าวว่าการแก้ปัญหาประเทศจะต้องวางกรอบและมีทิศทางออกมาเป็นนโยบายดีพอ สำหรับไทยที่การเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าไทยมีศักยภาพที่ดีทุกอย่างเหมาะที่จะสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรศักยภาพก็จะอ่อนด้อย แต่เขาก็เชื่อว่าถ้ามาดูนโยบายที่มีอยู่นี้ถ้าใครจะมาแก้ปัญหาประเทศก็เชื่อว่าน่าจะเป็นไปในแนวทางเดียวกัน

พิชัยกล่าวว่าวันนี้เศรษฐกิจไม่ดีสะท้อนให้เห็นผ่านประชาชนที่มีหนี้เยอะ ธุรกิจขนาดเล็กมีหนี้เยอะและเป็นหนี้เสีย แม้ว่าตอนนี้ธุรกิจขนาดกลางและใหญ่จะยังไม่มีปัญหานี้แต่ถ้าไม่ทำอะไรก็จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย แต่การจะแก้ปัญหาหนี้ได้วันนี้รัฐบาลจะต้องตัดสินใจช่วงฟื้นฟูเศรษฐกิจและเสริมสร้างไปพร้อมกัน

รมว.คลังกล่าวว่าหนี้ที่ตอนนี้มีอยู่ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ต่อ GDP ตอนนี้ยังไม่สามารถแก้ให้ลดลงมาได้อย่างแน่นอน จนกว่าระดับของเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นและสร้างความมั่นใจได้ แต่การแก้ปัญหาเรื่องหนี้หลายอย่างแม้จะเป็นหนี้เสียไปแล้วโดยได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ให้อยู่ในระดับที่พอใจ จากที่ตอนนี้มีหนี้แล้วถูกทวงตอนนี้ก็มีน้อยลง ยกเว้นในบางกลุ่มเท่านั้น และแม้ว่าตัวเลขหนี้เสียจะอยู่ที่ 90% ของ GDP แต่ว่ามีตัวเลขหนึ่งที่ยังไม่มีใครพูดถึงคือปัจจัยที่จะเกื้อหนุนทำให้เกิดสภาวะหนี้เสียไปถึง 95% นั้นตอนนี้ตัวเลขของปัจจัยดังกล่าวได้ลดลงแล้วและกำลังจะติดลบ

พิชัยอธิบายว่าตอนนี้ได้เข้าไปทำให้สถาบันการเงินภาครัฐในส่วนของหนี้ที่อยู่อาศัยสามารถยืดระยะเวลาชำระหนี้โดยไม่ต้องเป็นหนี้เสียได้ถึงอายุ 85 ปีแล้วไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยก็ได้ในช่วงเวลา 1 ปีแรกและมีเงื่อนไขผ่อนปรนต่างๆ ขั้นต่อไปที่จะทำคือในส่วนของสถาบันการเงินภาคเอกชนที่จะมีมาตรการด้วยว่ารัฐจะเข้าไปแก้ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างไร เพื่อดึงเอาหนี้เสียออกมาแม้ว่าหนี้จะไม่ลดแต่คนเป็นหนี้ก็จะมีโอกาสได้หายใจบ้าง

รมว.คลังกล่าวถึงการลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชนว่า ตอนนี้อาจจะเห็นว่าเงินเฟ้อต่ำราคาสินค้ายังต่ำ แต่เงินเฟ้อที่ต่ำนี้มีผลอีกด้านคือ SMEs ก็มองว่าราคาสินค้าถูกไปหรือไม่ แล้วเมื่อบอกว่าต้องลดรายจ่ายของประชาชนก็จะตามมาด้วยโครงการต่างๆ มาดูว่ารายจ่ายของประชาชนคืออะไร อย่างแรกคือราคาพลังงาน ตามมาด้วยเรื่องค่าโดยสาร

พิชัยระบุว่า ราคาพลังงานของไทยตอนนี้ก็ไม่มีใครไปลดได้เพราะเป็นการนำเข้ากว่า 90% ของราคาน้ำมันและ 65% ของราคาก๊าซธรรมชาติ ถ้าจะลดราคาทำได้แค่การไม่เก็บภาษีเลยแต่ทำไม่ได้เพราะงบติดลบอยู่แล้วถ้าไม่เก็บภาษีเลยก็จะทำให้รายได้หายไปอีก 3 แสนล้านบาท ซึ่งเป็น 1.5% ของ GDP และจะทำให้ไทยเป็นหนี้สาธารณะในปีหน้าขึ้นเกิน 70%

เรื่องพลังงานจะต้องทำใน 2 ส่วนคือ ความมั่นคงด้านพลังงานซึ่งมีสำคัญเป็นลำดับแรกคือไทยจะต้องทำให้มีพลังงานใช้ก่อนแล้วตามมาด้วยเรื่องราคา และการจะทำให้ราคาพลังงานถูกแล้วมีใช้ด้วยมีทางเดียวคือต้องเป็นเจ้าของพลังงานนั้น เมื่อใช้วิธีไปซื้อมาก็ต้องเป็นราคาตามตลาดโลก หากราคาในตลาดโลกเพิ่มขึ้นก็ต้องขึ้นตาม

พิชัยระบุว่าน้ำมันที่ยังมีเหลืออยู่ในประเทศไทยฝั่งอันดามันและอยู่ใกล้พม่าเราก็ทำอะไรไม่ได้มากในตอนนี้ ส่วนที่อยู่ในอ่าวไทยที่ยังเหลืออยู่ก็ยังมีประเด็นเรื่องดินแดนแต่เขาคิดว่าเรื่องดินแดนเถียงกันอย่างไรก็ไม่จบ อีกทั้งยังมีเรื่องที่ต้องพิจารณาอีกว่าหากในอนาคตอีก 30 ปีเลิกใช้น้ำมันไปแล้วสิ่งที่มีอยู่นี้ก็จะไร้ประโยชน์ไป แต่จากประสบการณ์ของเขาประเมินได้ว่าราคาของน้ำมันที่มีอยู่ตรงนี้จะอยู่ที่ 20 เหรียญต่อบาเรล ถ้าไทยสามารถคุยกับเพื่อนบ้านได้ฉันท์มิตรแล้วสามารถนำน้ำมันส่วนนี้มาใช้ได้ไทยก็จะได้เป็นเจ้าของด้วยก็ทำให้มีความมั่นคงด้านพลังงานและได้เรื่องราคาด้วย และจะทำให้ค่าไฟต่ำกว่า 3.50 บาทแน่นอน

ส่วนการจะลดค่าใช้จ่ายเดินทางตอนนี้ก็ต้องนึกถึงเรื่องขนส่งมวลชน แต่การสร้างรถไฟฟ้าขึ้นมาการคิดราคาค่าโดยสารเฉลี่ยแล้วต้อง 90 บาท/เที่ยวขึ้นไปและบางสายอาจถึง 100 บาท/เที่ยว แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ในโครงสร้างคือรัฐลงทุนไปแล้วและมีหนี้ถึง 12 ล้านล้านบาทอยู่ในโครงสร้าง แต่เอกชนลงทุนไป 2-3 แสนล้านแล้วก็เดินรถด้วยสัมปทานที่มีอยู่ ถ้ารัฐบาลเอาส่วน 2-3 แสนล้านนี้มาจัดการบริหารเองได้ก็เชื่อว่าจะดึงราคาค่าโดยสารลงมาได้อย่างมีนัยยะสำคัญ

พิชัยกล่าวถึงประเด็นเรื่องการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตแบบเก่าที่ลงทุนไปแล้วในอีสเทิร์นซีบอร์ดหลายสิบล้านล้านบาทซึ่งยังมีอายุขัยต่อไปได้อีกราว 20 ปีก่อนที่จะถูกทดแทนด้วยอุตสาหกรรมการผลิตแบบใหม่ จึงคิดว่าจะต้องเอาอุตสาหกรรมการผลิตแบบเก่าขึ้นมาเพิ่มประสิทธิภาพทำเท่าที่ทำได้เพราะยังเป็นสินค้าที่ยังเป็นที่ต้องการของโลกเพราะยังเป็นเงินลงทุนเก่า

แต่ประเด็นที่หลายคนเป็นห่วงคือไทยจะตามไม่ทันในอุตสาหกรรมใหม่นั้นในตอนนี้มีต่างชาติเสนอมาทั้งหมด 1,385 โครงการมาและมีเม็ดเงินลงทุนรวม 3 ปีใกล้ 2 ล้านล้านบาท มีทั้งอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ แผงวงจรอิเล็กโทรนิกส์ ส่วน data center ตอนนี้มีผู้สนใจลงทุนทั้งสหรัฐฯ ออสเตรเลีย อินเดีย และสิงคโปร์ และในส่วนของสหรัฐฯ และจีนที่กำลังจะมีการตกลงกันแล้วก็คือจะเข้ามาตั้งเพื่อ digital transformation และการเปลี่ยนผ่านยานยนต์ไปเป็นรถไฟฟ้า

ตอนนี้โครงการเหล่านี้แม้ว่าจะยังไม่มีเงินลงทุนเข้ามาแต่เมื่อประเมินจากส่วนที่กำลังจะเข้ามานี้ในระยะเวลา 3 ปีจะมีเม็ดเงินลงทุนอยู่ที่ 2 ล้านล้านบาท เฉลี่ยแล้วตกปีละ 6 แสนล้านบาท แต่ที่นักลงทุนเหล่านี้ยังรีรออยู่เพราะยังมีทั้งประเด็นเรื่องพลังงานสีเขียวที่เราจะต้องวางระบบให้แต่ถ้าเราทำให้ไม่ได้ก็ต้องให้เขาลงทุนทำเอง

นอกจากนั้นยังมีเรื่องคาร์บอนฟุตปริ้นท์ที่จะเป็นประเด็นใหญ่ในอีก 6 ปีข้างหน้าหากไทยแก้เรื่องนี้ไม่ได้ก็จะส่งออกไม่ได้ แต่เขาก็เชื่อว่าเรื่องนี้จะถูกแก้ได้ แต่เรื่องเหล่านี้จะต้องมีการเขียนกฎเกณฑ์ขึ้นมาไม่เช่นนั้นสิ่งเหล่านี้ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้แล้วมีปัญหาตามมา

พิชัยกล่าวถึงข้อจำกัดของไทยในการทำวิจัยและพัฒนาที่ตอนนี้ยังทำไม่ได้ก็จะต้องปฏิรูประบบราชการ แล้วพิจารณากันว่าจะหาคนที่เข้าใจว่าตลาดโลกว่าต้องการอะไรแล้วค่อยดูว่าไทยมีนักวิทยาศาสตร์อยู่ที่ตรงไหนบ้าง ถ้าสามารถจัดโครงสร้างราชการทำให้ภาคธุรกิจมาเจอกับนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ได้ก็จะทำให้เกิดการวิจัยและพัฒนา

แต่เงินที่จะมาทำเรื่องนี้ก็ติดเรื่องเงินคงคลังที่มีอยู่น้อยและด้วยวินัยการคลังที่จะต้องทำให้มีหนี้สาธารณะไม่เกิน 70% ก็เป็นข้อจำกัดมาก ทำให้ต้องมาดูว่าจะเกิดการลงทุนอย่างไรโดยใช้เงินของรัฐบาลให้น้อยที่สุด 

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net