"..ถ้าเราไม่มีเหตุผล เราเอาแต่แค้น เอาแต่โกรธอย่างเดียว ในขณะที่พวกเดียวกันเองก็ทำอะไรผิด แต่เราก็ยังเข้าข้างอยู่ ..ไม่เฉพาะมองฝ่ายตรงข้ามอย่างเดียว มองฝ่ายเดียวกันด้วย เราควรจะต้องมองให้ถ่องแท้ว่าอะไรข้อมูลที่จริงหรือไม่จริง อะไรที่ไม่ถูกต้องเราก็ว่าไม่ถูกต้อง ผมว่าที่สำคัญที่สุดเลยก็คือเราต้องกล้าวิจารณ์ โดยเฉพาะคนกันเอง คนพวกเดียวกันเอง"
"..นับวันประชาธิปไตยในยุคปัจจุบันก็ ล้มง่ายเข้า และ สร้างยากขึ้น ทุกที.."
".. อย่าอ้างเสียงข้างมากมาเป็นเผด็จการ ลำพังเสียงเลือกตั้งในหีบนั้นน่ะ มันไม่ใช่ใบอนุญาตให้เป็นเจ้าของประเทศ"
"..ประเทศชาติไม่ได้ล่มสลายเพราะมีคนใส่หน้ากากแล้วออกมายืนในที่สาธารณะหรอก แต่จะล่มสลายเพราะคนในสังคมไม่ยอมให้มีพื้นที่แตกต่างกันทางความคิดแล้วใช้กำลังเข้าเผชิญหน้ากัน"
"ผมสลดใจกับพฤติกรรมของปุถุชนที่ครั้งหนึ่งเคยแห่แหนบูชา"อริยบุคคล"ที่อ้างตนว่าเป็นชาติสุดท้าย พอต่อมาก็มาเหยียบย่ำ ถ่มน้ำลายบุคคลผู้นั้น เพียงเพราะสื่อชี้นำและเปิดโปงว่าเขาไม่ใช่อริยบุคคล ปุถุชนผู้ต่ำต้อยเหล่านี้ต่างหากคือผู้ที่สร้าง "บุคคลศักดิ์สิทธิ์" ขึ้นมาเป็นรูปเคารพบูชาเพียงเพื่อเป็นข้ออ้างให้กับความต่ำต้อยในความเป็นปุถุชนของตนเอง พวกเขาเคารพบูชา "บุคคลที่รู้แจ้ง" เพียงเพื่อหลีกหนีหรือปฏิเสธที่จะรู้แจ้งด้วยความเจ้าเล่ห์ของอัตตาของพวกเขาเท่านั้น นี่คืออีกด้านหนึ่งที่สังคมนี้มองข้ามไปในกรณีของหลวงปู่เณรคำ และจะว่าไปแล้วนี่คือต้นตอที่สร้างคนลวงโลกอย่างหลวงปู่เณรคำขึ้นมา"
“ในทางปรัชญา ผมเชื่อว่ามีความขัดแย้งขั้นมูลฐานอยู่ระหว่าง หลักเป้าหมายที่ดีที่ถูกต้อง ย่อมให้ความชอบธรรมกับวิธีการใด ๆ ก็ได้ หรือ The end justifies the means. ในทางการเมือง กับ หลักเอกภาพทางศีลธรรมของเป้าหมายกับวิธีการ หรือ the moral unity of means and end หลักสองอันนี้มีความขัดแย้งแตกต่างกันลึกๆ และการพยายามจะผูกการเมืองเข้ากับศีลธรรมมันอิหลักอิเหลื่อมากเพราะหลักการสองอันนี้”
“มันน่าเศร้ามากที่เราจะรักใครมาก แต่เราไม่ได้มองเขาเป็นมนุษย์เลย มองเขาเป็นเทพเจ้าหรือเป็นอะไรไป ทันทีที่เขาถูกอธิบายในฐานะมนุษย์ เรากลับรับไม่ได้ ทั้งที่เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน การเทิดทูนอะไรแบบนี้มันค่อนข้างสร้างปัญหาให้ตัวบุคคล ทั้งบุคคลที่ตายไปแล้วและยังมีชีวิตอยู่ เรามองข้ามสิ่งเหล่านี้ไป”
“ถ้าการช่วงชิงกลับมาคือการบอกเล่าเรื่องจริง เราก็คิดว่าการบอกความจริงคือสิ่งที่ต้องทำ เป็นสิ่งที่ควรจะทำ..”
"ประเทศเราจะเจริญกว่านี้ไหม ถ้าผู้คนในประเทศปลูกข้าวกันน้อยลง แต่มีโอกาสลืมตาอ้าปาก มาประกอบอาชีพอื่นๆกันมากขึ้น"
"มิตรสหายท่านหนึ่งกล่าวว่าเวลาเกิดความรุนแรงในการเคลื่อนไหวทางการเมืองมักจะมีคนอ้างอิงถึงความตายในเดือนเมษา-พฤษภา 2553 และมักจะกล่าวพาดพิงว่าที่ทำไปยังน้อยกว่าที่ญาติผู้เสียชีวิตได้รับผลกระทบ ในฐานะ "เหยื่อ" คนหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะเป็นชาวบ้าน ชนชั้นกลาง และ/หรือ อยู่ในวัฒนธรรมแบบนักเลง หรือพวกสันติภาพแต่ปาก หรือจะมีจริตแบบไหน ฯลฯ ถ้าใช้ความรุนแรงแล้วผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง..."
“ในระบอบประชาธิปไตยที่ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชน เราสามารถตรวจสอบได้ แต่การรัฐประหารเราไม่สามารถตรวจสอบได้เลย”
"แรงจูงใจเดียวของผมในการบอกต่อสาธารณชนก็เพราะว่ามีการอ้างกระทำการในนามของพวกเขาและเพื่อทำสิ่งที่เป็นภัยต่อสาธารณชนเอง"*
“เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประชุมงบประมาณมีเพื่อนๆ ทางพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยพูดสรุปตรงกันว่า คุณทักษิณกลัวการปฏิรูปของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะจะทำให้แข่งด้วยยากมาก แต่ว่าคนประชาธิปัตย์บางส่วนกลับกลัวการปฏิรูปมากกว่าคุณทักษิณ”
“ยิ่งอ่านมากเท่าไร ผมก็ยิ่งประหลาดใจกับวิธีการจัดการกับประเทศและหน่วยงานต่าง ๆ (ของรัฐบาลผม) และเริ่มคิดว่าการตกลงเจรจาอย่างเป็นความลับตามที่ปรากฏในเอกสารเหล่านี้ และการกระทำที่ดูเหมือนเป็นอาชญากรรม ช่างไม่คู่ควรกับประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำโลกเสรี (อย่างสหรัฐฯ) เลย...ผมได้ข้อสรุปว่า ข้อมูลเหล่านี้จะต้องเปิดเผยให้สาธารณะได้รับทราบ”
"พวกเรา ผู้สร้างภาพยนตร์ควรต้องรวมพลังกันหน่อยไหม อาจจะรวมพลังต้องการที่จะพูดหรือแสดงออก ซึ่งมันจะไม่ใช่เรื่องเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว หลายท่านบอกว่า ผมพูดมาซ้ำๆ ซากๆ ก็ไม่เห็นเกิดผล แต่สิ่งเหล่านี้มันจำเป็นที่จะต้องพูดกันไป"
“ทหารก็มีหลักฐานก็ไปสู้กันในศาล อย่ามาพูดกันนอกศาล ต้องให้ความเคารพต่อศาลและกระบวนการยุติธรรม ผมไม่เห็นด้วยกับการเอาเรื่องต่างๆ มาพูดนอกศาล ไม่ใช่ว่าผมไม่ห่วงลูกน้อง ผู้ใต้บังคับบัญชา ใครมาพูดอย่างไรก็แล้วแต่ผมจะไม่พูดนอกศาล”