Skip to main content
sharethis

สิงคโปร์เตรียมใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการเงินแก่รัสเซีย ซึ่งสอดคล้องกับท่าทีของชาติตะวันตก และเตรียมบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกสินค้าที่สามารถใช้เป็นอาวุธโดยตรง เพื่อตอบโต้ที่รัสเซียบุกยูเครน สวนทางท่าทีอาเซียนในภาพรวมที่กล่าวสั้นๆ ว่า ‘กังวลอย่างยิ่ง’ ขณะเดียวกัน ผู้แทนสหภาพยุโรป 27 ประเทศเดินทางเข้าพบกระทรวงการต่างประเทศของไทย เรียกร้องให้ไทยออกแถลงการณ์ต่อกรณีรัสเซียบุกยูเครน

28 ก.พ. 2565 วิเวียน บาลากริชนัน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสิงคโปร์แถลงต่อรัฐสภาในวันนี้ (28 ก.พ. 2565) ว่ารัฐบาลสิงคโปร์เตรียมใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการเงินแก่รัสเซีย ซึ่งสอดคล้องกับท่าทีของชาติตะวันตก ทั้งยังเตรียมบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกสินค้าที่สามารถใช้เป็นอาวุธโดยตรง เพื่อตอบโต้ที่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยสิงคโปร์เตรียมระงับการทำธุรกรรมของธนาคารรัสเซียบางส่วนที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลในกรุงมอสโก ส่วนมาตรการคว่ำบาตรที่ชัดเจนนั้นจะประกาศให้ทราบอีกครั้งในเร็วๆ นี้

รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์กล่าวในแถลงการณ์ต่อกรณีการรุกรานยูเครนของรัสเซียว่าสิงคโปร์แทบจะไม่เคยบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อประเทศอื่นๆ หากไม่มีข้อผูกมัดตามมติหรือคำสั่งของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council: UNSC) อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วย “ความรุนแรงที่คาดไม่ถึง” ซึ่งเกิดจากการโจมตีของรัสเซีย สิงคโปร์ตั้งใจจะบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรและข้อกำหนดควบคุมอย่างเหมาะสมให้สอดคล้องกับประเทศอื่นๆ ที่มีแนวคิดแบบเดียวกัน แม้จะประเมินแล้วว่าสิงคโปร์มีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดีกับรัสเซียกับถึงประชาชนชาวรัสเซีย แต่สิงคโปร์ไม่สามารถยอมรับการละเมิดอำนาจอธิปไตย รวมถึงการละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศเอกราชอื่นได้

“เรายอมรับไม่ได้ที่ประเทศหนึ่งไปรุกรานอีกประเทศหนึ่งโดยปราจาศเหตุผลที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่กลับโต้แย้งว่าอิสรภาพของประเทศนั้นเป็นผลพวงมาจาก ‘ข้อผิดพลาดทางประวัติศาสตร์และการตัดสินใจที่บ้าคลั่ง’ (historical errors and crazy decisions)” รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์กล่าว

รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์กล่าวเน้นย้ำว่ามาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ประชาชน และประเทศสิงคโปร์ “แต่หากเราไม่ใช่ประเทศที่ยืนหยัดเพื่อหลักการซึ่งเป็นรากฐานที่แท้จริงแห่งอิสรภาพและอธิปไตยของชาติเล็กๆ สิทธิของเราที่จะคงอยู่และเจริญรุ่งเรืองในฐานะชาติอาจจะถูกตั้งคำถามคล้ายๆ กันในสักวันหนึ่ง”

สิงคโปร์-อินโดนีเซีย ประสานเสียงประณามการรุกรานยูเครน

สิงคโปร์เป็น 1 ใน 82 ประเทศผู้สนับสนุนแนวทางการแก้ไขปัญหาของ UNSC และร่วมประณามการบุกรุกยูเครนของรัสเซีย แม้ว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะถูกรัสเซียวีโต้ โดยใช้สิทธิการเป็นสมาชิกถาวรแห่งสหประชาชาติ (UN) แต่สิงคโปร์ยังคงประณามรัสเซียที่รุกรานยูเครนโดยไม่มีเหตุผลในวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งรายงานของสำนักข่าว Radio Free Asia ระบุว่าสิงคโปร์และอินโดนีเซียเป็น 2 ประเทศแรกในอาเซียนที่ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำดังกล่าว โดยแถลงการณ์ของสิงคโปร์เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ระบุว่า “สิงคโปร์ขอประณามการรุกรานประเทศที่มีอธิปไตยอื่นๆ โดยไร้เหตุผล ไม่ว่าจะใช้ข้ออ้างใดๆ เราขอย้ำว่าอำนาจอธิปไตย อิสรภาพ และบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครนต้องได้รับการเคารพ เราหวังว่าปฏิบัติการทางทหารจะยุติลงโดยทันที และเรียกร้องให้เกิดการเจรจาอย่างสันติตามกฎบัตรองค์การสหประชาชาติ (UN) และกฎหมายระหว่างประเทศ”

ขณะที่อินโดนีเซียระบุในแถลงการณ์ว่า “รัฐบาลอินโดนีเซียกังวลเรื่องการเพิ่มความขัดแย้งด้านอาวุธในยูเครนเพราะการกระทำเช่นนี้ก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนและสันติภาพในเอเชีย [เรา]ขอยืนยันการยึดมั่นในหลักกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตร UN เรื่องบูรณภาพแห่งดินแดน และขอประณามการกระทำใดๆ ก็ตามที่ก่อให้เกิดการละเมิดด้านเขตแดนและอธิปไตยของประเทศใดประเทศหนึ่ง”

เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา แคทรีนา เซเลนโค (Kateryna Zelenko) เอกอัครราชทูตยูเครนประจำสิงคโปร์กล่าวกับนักข่าวว่ายูเครนจะอดทนต่อสู้กับการรุกรานครั้งนี้ได้นานเท่าใดขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของพันธมิตรชาติตะวันตกและประชาคมโลก

ไทยและอาเซียนชาติอื่นๆ ว่าอย่างไรต่อวิกฤติรัสเซีย-ยูเครน

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 สำนักข่าว Khmer Times รายงานว่านายกรัฐมนตรีฮุน เซน ของกัมพูชา กล่าวสั้นๆ ต่อกรณีการรุกรานยูเครนโดยรัสเซียว่า “ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ไกลและเป็นประเทศเล็กๆ แต่ประเด็นระหว่างประเทศเช่นนี้เป็นเรื่องน่ากังวลมากสำหรับเรา” นอกจานี้ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาในฐานะประธานอาเซียนคนปัจจุบันยังกล่าวอีกว่าแถลงการณ์ต่างๆ ต่อประเด็นนี้ที่กำลังจะเผยแพร่ควรจะมีฉันทามติของอาเซียน ซึ่งรวมถึงประเด็นของรัสเซีย-ยูเครน

ต่อมา เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2565 สำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซียออกแถลงการณ์ต่อกรณีรัสเซีย-ยูเครนว่า “มาเลเซียกังวลอย่างยิ่งต่อการยกระดับความขัดแย้งในยูเครน และยืนหยัดเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องลดระดับความขัดแย้งโดยทันทีเพื่อป้องกันการสูญเสียชีวิตของประชาชนและความเสียหายรุนแรง” นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหาทางออกด้วยการเจรจาอย่างสันติ พร้อมเรียกร้องให้ UNSC ปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาความสงบสุขและมั่นคงในภูมิภาค และในวันเดียวกันนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียนได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ต่อกรณีรัสเซีย-ยูเครน โดยเป็นแถลงการณ์ 2 ย่อหน้า ระบุว่า

“รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนห่วงกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ที่ผันผวนและความขัดแย้งกันด้วยอาวุธในยูเครน เราเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใช้ความอดกลั้นอย่างสูงสุด และใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการหารือผ่านทุกช่องทาง รวมถึงช่องทางการทูต เพื่อควบคุมสถานการณ์ ลดความตึงเครียด และแสวงหาการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีที่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ หลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ และสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

“เราเชื่อว่า ยังคงมีพื้นที่สำหรับการหารืออย่างสันติเพื่อป้องกันมิให้สถานการณ์อยู่เหนือการควบคุม เพื่อให้สันติภาพ ความมั่นคง และการอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวกันดำรงอยู่ต่อไป จึงนับเป็นความรับผิดชอบของทุกฝ่ายที่จะยึดมั่นหลักการของการเคารพซึ่งกันและกันในอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และสิทธิที่เท่าเทียมกันของทุกชาติ”

ส่วนฟิลิปปินส์นั้นไม่มีแถลงการณ์ใดๆ ที่กล่าวถึงสถานการณ์ดังกล่าว มีเพียงแถลงการณ์เตรียมการอพยพและให้ความช่วยเหลือพลเมืองฟิลิปปินส์ในยูเครนเท่านั้น ขณะที่เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำยูเครนแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติของเวียดนามว่าเขา "ประหลาดใจอย่างถึงที่สุด" และไม่คาดคิดว่าปูตินจะส่งกองทัพบุกเข้ายูเครนเร็วและอย่างเด็ดขาดขนาดนี้ ด้านโฆษกรัฐบาลทหารพม่าแถลงผ่านโทรทัศน์ว่ารัฐบาลทหารพม่าสนับสนุนรัสเซีย โดยให้เหุตผล 2 ข้อ คือ รัสเซียกระทำไปเพื่อกระชับอำนาจอธิปไตยของตน และแสดงให้ดลกเห็นว่ารัสเซียคือมหาอำนาจที่แข็งแกร่ง

สำหรับไทย ได้ออกแถลงการณ์สั้นๆ 2 บรรทัด เผยแพร่ในเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยระบุว่า “ไทยได้ติดตามพัฒนาการในยูเครน โดยเฉพาะการทวีความตึงเครียดในยุโรป ด้วยความห่วงกังวลอย่างยิ่ง เราสนับสนุนความพยายามที่ยังคงดำเนินอยู่ เพื่อแสวงหาการแก้ไขสถานการณ์อย่างสันติผ่านการหารือ” ต่อมา วันนี้ (28 ก.พ. 2565) กรุงเทพธุรกิจรายงานว่าดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ไทยจะมีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการของไทย และแถลงการณ์ร่วมอาเซียน และจะมีการหารือร่วมกันกับ UN และผู้แทนนานาชาติ โดยไทยพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ ดอนกล่าวว่า “เราต้องดูสถานการณ์ที่เป็นจริงในวันนี้ ไม่ต้องเลือกข้างได้ยิ่งดีที่สุด ดังนั้น คนไทยและคนทั่วโลกต้องออกมาช่วยกันเรียกร้อง ให้เหตุการณ์ค่อยๆ คลี่คลาย”

ผู้แทน EU-สหรัฐฯ ให้กำลังใจสถานทูตยูเครนประจำประเทศไทย

ในวันเดียวกันนี้ (28 ก.พ. 2565) เฟซบุ๊กสถานเอกอัครราชทูตสเปนประจำประเทศไทยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า “เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยได้พบกับอุปทูตยูเครน Pavlo Orel วันนี้เพื่อยืนยันว่าสหภาพยุโรปจะยืนเคียข้างประชาชนและประเทศยูเครน EU ขอประณามการรุกรานของรัสเซียต่ออำนาจอธิปไตยของยูเครนและจะยังคงสนับสนุนยูเครนต่อไป” พร้อมติดแฮชแท็ก #WeStandWithUkraine (เรายืนเคียงข้างยูเครน) และ #EUSolidarity (EU เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน)

พร้อมกันนี้ สถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่าวันนี้ “อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ไมเคิล ฮีธ พร้อมด้วยผู้แทนจากออสเตรเลีย อังกฤษ แคนาดา และนิวซีแลนด์ เดินทางไปยังสถานเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย เพื่อแสดงพลังความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ตลอดจนการสนับสนุนรัฐบาลและประชาชนยูเครน ในโอกาสนี้ อุปทูตฮีธยังได้มอบช่อดอกทานตะวัน ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติของยูเครนและเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงจิตวิญญาณแห่งความภาคภูมิของชาวยูเครน ให้แก่อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตยูเครน พาฟโล โอเรล ด้วย”

นอกจากการเดินทางไปเยือนสถานเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทยในวันนี้ คณะผู้แทนจากสหภาพยุโรปยังได้เดินทางไปที่กระทรวงการต่างประเทศของไทย เพื่อเรียกร้องให้สมาชิก UN รวมถึงประเทศไทยออกมาแสดงท่าทีต่อการบุกยูเครนของรัสเซีย ซึ่งเป็นการละเมิดกฎบัตร UN และกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงเรียกร้องให้โหวตเห็นด้วยกับมติสมัชชาสหประชาชาติเพื่อแก้ไขปัญหาที่กระทบต่อประชาคมโลก

ที่มา:

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net