สืบเนื่องจากกรณี ตม.ไทยจับกุมนักเคลื่อนไหวชาวเวียดนาม หลายองค์กรสิทธิฯ แถลง 5 ข้อถึงรัฐบาลไทย ย้ำต้องไม่ส่งเขากลับไปเผชิญอันตราย และขอให้สืบสวนว่ามีการส่ง จนท.รัฐต่างประเทศเข้ามาปราบปราบผู้ที่กำลังลี้ภัยในไทยหรือไม่
14 มิ.ย. 2567 ทีมสื่อมูลนิธิผสานวัฒนธรรมแจ้งข่าวว่า องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนหลายแห่งร่วมกันออกแถลงการณ์ ข้อเสนอแนะต่อกรณีการจับผู้ลี้ภัยชาวเวียดนาม และข้อห่วงใยต่อการส่งตัวบุคคลไปสู่อันตรายในประเทศเวียดนาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รายละเอียดแถลงการณ์
แถลงการณ์
ข้อเสนอแนะต่อกรณีการจับผู้ลี้
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจคนเข้าเมืองได้จับกุมตัว อี ควิน เบอดั้บ (Mr. Y Quynh Bdap) นักเคลื่อนไหวเพื่อเสรีภาพในการนับถือศาสนาชาวเวียดนาม อายุ 32 ปี ซึ่งนับถือศาสนาคริสต์โดยได้รับสถานะผู้ลี้ภัย และการคุ้มครองระหว่างประเทศจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (United Nations High Commissioner for Refugees - UNHCR) อีฯ เป็นแกนนำเรียกร้องสิทธิเสรีภาพการนับถือศาสนาให้กับกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ถูกรัฐบาลเวียดนามตั้งข้อหาก่อการร้ายจากเหตุจลาจลปีที่ผ่านมา ซึ่งอีฯ ให้การปฏิเสธว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ดังกล่าว และอ้างว่าการเคลื่อนไหวด้านสิทธิของอีฯ เป็นการกระทำโดยสงบและไม่มีความรุนแรง โดย อี ควิน เบอดั้บ ถูกควบคุมตัวไปที่สถานีตำรวจ หลังจากสัมภาษณ์กับสถานทูตประจำประเทศแคนาดาเพื่อการไปตั้งถิ่นฐานใหม่ประเทศที่สาม และอาจจะถูกส่งตัวกลับเวียดนาม โดยใช้กระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ทางเครือข่ายองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนจึงใคร่ขอแสดงความห่วงใยว่าการจับกุมผู้ลี้ภัยกรณีดังกล่าวเป็นการกดปราบข้ามชาติ (Transnational Repression) ระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามที่ทำข้อตกลงกันไว้ในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งผิดหลักการห้ามผลักดันกลับ (Non-Refoulement) ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติข้อ 6 และข้อ 7 ภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights - ICCPR) บทบัญญัติข้อ 3 ภายใต้อนุสัญญาต่อต้านการทรมาน (The Convention Against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment - CAT) และบทบัญญัติข้อ 16 ภายใต้อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ (CED) และหลักนี้ยังถือเป็นหลักกฎหมายบังคับเด็ดขาด (jus cogens) และเป็นสิทธิเด็ดขาด (Absolute Right) ที่รัฐมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติโดยไม่มีข้อยกเว้นในทุกกรณี และในทุกสถานการณ์ รวมถึงพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการซ้อมทรมานและการกระทำให้สูญหาย พ.ศ. 2565 มาตรา 13 ระบุไว้ว่าห้ามมิให้หน่วยงานรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐขับไล่ ส่งกลับ หรือส่งบุคคล เป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังอีกรัฐหนึ่ง หากมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้น จะตกไปอยู่ในอันตรายที่จะถูกกระทำทรมาน ถูกกระทำการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือ ถูกกระทำให้สูญหาย เครือข่ายฯ จึงขอเรียกร้องให้ทางการไทยพิจารณาข้อเสนอแนะ ดังนี้
- ขอให้รัฐบาลไทยตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐต่างประเทศเข้าทำการสืบสวนหรือทำการใดที่ไม่ถูกกฎหมายในไทยในการจับกุมนักสิทธิมนุษยชนที่ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยรายนี้และรายอื่นๆหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นการละเมิดกฎหมายไทย ทั้งนี้ความร่วมมือระหว่างประเทศในคดีอาญาต้องดำเนินการอย่างโปร่งใสตรวจสอบการใช้อำนาจได้เพื่อป้องกันการกดปราบข้ามชาติ
- ไม่ส่งตัว อี ควิน เบอดั๊บ ให้กับทางการเวียดนาม ตามหลักการไม่ส่งกลับ และมาตรา 13 ในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการซ้อมทรมานและการกระทำให้สูญหาย พ.ศ. 2565
- ให้การจับกุมดังกล่าวเป็นไปตามมาตรการกระบวนการจับกุมตามมาตรา 22 ที่กำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบแจ้งพนักงานอัยการและผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการซ้อมทรมานและการกระทำให้สูญหาย พ.ศ. 2565
- อี ควิน เบอดั๊บ พึงได้รับสิทธิการประกันตัวเพื่อให้สามารถต่อสู้คดีได้อย่างมีความเป็นธรรม เนื่องจากมีการตั้งข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมายและอาศัยอยู่ในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจทำให้อี ควิน เบอดั๊บไม่ได้รับการประกันตัวเนื่องจากหมายจับผู้ร้ายข้ามแดนดังกล่าว
- ประสานงานกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติในการส่งตัว อี ควิน เบอดั๊บ ไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่สาม ตามที่ประเทศไทยได้ให้คำมั่นไว้ในการประชุมเวทีผู้ลี้ภัยโลก ครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2566 ว่าจะขยายความร่วมมือกับประเทศที่สามในการหาทางออกที่ยั่งยืนให้แก่ผู้หนีภัยกลุ่มต่างๆ ในประเทศไทย
แถลง ณ วันที่ 14 มิถุนายน 2567
- มูลนิธิสิทธิเพื่อสันติภาพ
- มูลนิธิผสานวัฒนธรรม
- Manushya Foundation
- ALTSEAN
- สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.)
- สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.)
- เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)