สว.เปิดใจเหตุวอล์กเอาต์ ตั้งใจใช้วิธีอารยะขัดขืน ไม่ยอมรับวิธีลงคะแนนคัดเลือกสมาชิก กมธ. แบบพวกมากลากไป ละเลยเสียงส่วนน้อย ขอไม่ร่วมสังฆกรรมให้กระบวนการแบบนี้

5 ส.ค. 2567 เพจเฟซบุ๊ก The reporters ถ่ายทอดสดออนไลน์วันนี้ (5 ส.ค.) เมื่อเวลา 17.54 น. กลุ่ม สว. นำโดย นันทนา นันทวโรภาส และ เปรมศักดิ์ เพียยุระ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่วอล์กเอาต์ออกจาห้องประชุมวุฒิสภา ระหว่างที่มีการลงคะแนนคัดเลือกคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด ภายหลังมีการถกเถียงกันในประชุมถึงวิธีการคัดเลือก เนื่องจากมีการเสนอชื่อ กมธ. รวมทั้งสิ้น 33 คน ซึ่งเป็นจำนวนเกินกว่าจำนวนที่กำหนด (15 คน)

นันทนา กล่าวว่า วันนี้มีวาระในเรื่องของการตั้ง กมธ.เพื่อพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งสำนักงานอัยการสูงสุด และประธานศาลปกครองสูงสุด ซึ่งตามข้อบังคับจะมี กมธ. 15 คน โดยหลักการทั่วไปจะมีการจัดสัดส่วนกันว่ากลุ่มไหนมีจำนวนเท่าไร และก็มาหารเฉลี่ยกันว่าจะได้ตัวแทนของสัดส่วนแต่ละกลุ่มเท่าไร แต่กลุ่มที่แพกมาเป็นบ้านใหญ่ เขาก็แพกกันเสนอมา 15 ที่ทั้งหมดเต็มจำนวน กมธ. โดยไม่แบ่งให้กับ สว.กลุ่มอื่นๆ ทั้งที่เรามีสัดส่วนพอสมควร ตรงนี้ถือว่าเป็นการรวบรัดตัดตอน และไม่สนใจ สว.เสียงข้างน้อยเลย ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นการใช้เสียงข้างมากลากไป ไม่ได้สนใจเสียงข้างน้อย  

เปรมศักดิ์ กล่าวว่า พวกเราเสียงข้างน้อยได้ทักท้วงด้วยวิธีการไม่ว่าจะเป็น การขอให้ได้มีการลงมติแบบที่ได้มีการปรับรูปแบบเป็นการจับสลาก เพื่อให้มี สว.ทุกสัดส่วนเข้าไปเป็น กมธ. ทางประธานที่ประชุมก็ไม่ยอม หรือให้แสดงวิสัยทัศน์ก็ไม่เปิดโอกาส เพราะฉะนั้น เขาในฐานะที่เป็นสมาชิกวุฒิสภา และเคยเป็นสมาชิกรัฐสภามานาน เห็นว่าวิธีการเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อนที่ประธานสภาฯ จะไม่รอมชอมสมาชิก และปล่อยให้เสียงข้างมากทุบเอาๆ จึงทำการวอล์กเอาต์ เพื่อให้มีเสียงฝ่ายเดียว ที่จะดำเนินการในการคัดเลือกองค์กรยุติธรรมเกิดขึ้น เป็นรอยด่างของวุฒิสภาชุดนี้

อังคณา นีละไพจิตร สว.จากกลุ่ม 17 เปิดเผยว่า การวอล์กเอาต์ในครั้งนี้ เนื่องจากทุกคนได้ใช้ความพยายามอดทนอดกลั้นอย่างที่สุด เราพยายามที่จะเสนอทางเลือกเพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม เพราะว่าเราเห็นว่าหน้าที่สำคัญที่สุดของสมาชิกวุฒิสภา การเห็นชอบผู้ที่จะไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ เพราะฉะนั้น เราได้ใช้ความพยายามทุกอย่างที่จะขอ เพื่อให้มีส่วนร่วม

อังคณา ระบุต่อว่า ตามวิถีปฏิบัติต้องมีการปรึกษาหารือกัน ยืนยันว่าเราเคารพเสียงส่วนใหญ่ แต่เสียงส่วนใหญ่ต้องไม่ละเลยเสียงข้างน้อย และไม่ใช่การปิดกั้นโดยการเสนอเป็นแพกเกจมาแล้วสุดท้าย จะทำให้คนกลุ่มหนึ่งสามารถที่จะมีอำนาจที่จะออกแบบในการที่จะได้มาซึ่งองค์กรอิสระอย่างไรก็ได้ โดยที่คนอื่นไม่มีโอกาสได้รับทราบ ตรงนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่าในฐานะเป็นเสียงข้างน้อย สิ่งที่ทำได้มากที่สุด การไม่อยู่ร่วมในการให้มีการคัดเลือก กมธ.ในวันนี้ (5 ส.ค.)

อังคณา ระบุต่อว่า ประธานการประชุมจะอ้างข้อบังคับการประชุมตลอดว่ามีสมาชิกเสนอแล้ว ในเมื่อเสนอแล้ว ก็ต้องมีคนรับรอง มีมากกว่านี้ก็ต้องโหวต แต่อยากบอกว่าการทำงานของนิติบัญญัติจะทำงานโดยยึดหลักกฎหมายอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีหลักคุณธรรม ต้องยืดหยุ่น และโอนอ่อนผ่อนตาม เพราะว่าวุฒิสมาชิกชุดนี้มาจากความหลากหลาย ทั้งหลากหลายทางความคิด สาขาวิชาชีพ แต่ถ้าเกิดไม่รับฟังในเสียงข้างน้อย ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะร่วมวงที่จะอยู่ รับรองมติที่ไม่เป็นธรรม

อังคณา ระบุด้วยว่า วันนี้น่าจะประมาณ 50 คนที่ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมวุฒิสภา ไม่ว่า สว.จากกลุ่มไหนเรามาจากคนกลุ่มเดียวกันเป็นเพื่อนๆ กัน รู้จักกันมานาน ที่สำคัญอุดมการณ์ไปในทางเดียวกัน

เปรมศักดิ์ ระบุว่า วาระที่สำคัญต่อจากนี้คือการตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาที่มาของประธานศาลปกครองสูงสุด ซึ่งค้างคามาจากวุฒิสภาชุดที่แล้ว และก็เป็นเลือกคนใหม่ไป-มา ซึ่งเรื่องนี้อาจสร้างรอยด่างของวุฒิสภาชุดนี้ แต่ทางประธานวุฒิสภากล่าวว่า ยืนยันให้ใช้วิธีแบบเดิมให้ลงคะแนน ผลระหว่างอัยการสูงสุด และประธานศาลปกครองคงไม่แตกต่างกัน

"เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่เราคาดการณ์ได้ว่าอาจเป็นปัญหาต่อกระบวนการยุติธรรมในอนาคต และกระทบต่อประชาชนอย่างแน่นอน และผมจะไม่ยอมเป็นตรายางให้กับกระบวนการที่ไม่ยุติธรรมแบบนี้ ผมขอให้ท่านทบทวน แต่ท่านไม่ยอมทบทวน เราจึงมีอาวุธอย่างเดียวคือไม่ร่วมสังฆกรรม และมีเพื่อนสมาชิกที่เห็นด้วยกับแนวทางอารยขัดขืนในส่วนนี้ว่า ถ้าคุณจะเดินไปข้างหน้าก็ให้รับเองว่าผลข้างหน้าจะเป็นไปอย่างไรต่อวุฒิสภา" เปรมศักดิ์ กล่าว

รัชนีกร ทองทิพย์ ระบุว่า ในฐานะของ สว.รุ่นใหม่ที่เข้ามามีโอกาสครั้งแรกในวุฒิสภาแห่งนี้ ไม่ว่ากระบวนการการสรรหาคัดเลือกที่ผ่านมาจะมีปัญหาหรือข้อสงสัยจะมีปัญหาที่สังคมยังคลางแคลงใจมากแค่ไหน เธอคาดหวังว่าเมื่อทุกคนเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในวุฒิสภา ท่านจะเห็นแก่ประโยชน์แก่ประเทศชาติ หลักการและเหตุผลเป็นหลัก เธอไม่ได้คาดหวังว่ายังมีแนวโน้มที่จะไปในแนวทางเดิมคือการเป็นกลุ่มเป็นก้อน กลุ่มไหนใหญ่ก็สามารถชักนำให้ลงมติ เมื่อไรที่มีการลงมติ ก็เป็นไปตามที่กลุ่มใหญ่ต้องการทุกประการไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ขณะเดียวกัน ประธานวุฒิสภา วุฒิสมาชิกโดยหลักการแล้ว เราเป็นอิสระ เราไม่อิงกับกลุ่มก้อนพรรคการเมืองใด แต่สิ่งที่วุฒิสภาแสดงให้เห็นวันนี้ทำให้เห็นว่าเป็นกลุ่มก้อนที่ใหญ่มาก และผิดหวังการประชุมวุฒิสภาในครั้งนี้

ต่อกรณีที่ผู้สื่อข่าวถามว่า แม้ว่าจะมีการวอล์กเอาต์แล้ว แต่มันอาจไม่ส่งผลกระทบต่อวงประชุมส่วนใหญ่ ดังนั้น หากปล่อยไว้นานกว่านี้ การพิจารณาวาระอื่นๆ ในอนาคตอาจจะเป็นแบบเดิม นันทนา ระบุว่า การวอล์กเอาต์มันเป็นวิธีการทางการเมืองที่ถือแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจในระดับสูงสุดในการร่วมกิจกรรมนั้นๆ หรือเรียกว่าอารยะขัดขืน และเราไม่เห็นด้วยที่จะไปสร้างความชอบธรรมให้กับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจึงวอล์กเอาต์ออกมา ซึ่งตรงนี้จะแสดงให้เห็นว่าเราไม่ยอมรับวิธีการในการรวบรัดหรือใช้เสียงข้างมากลากไป ในอนาคตน่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ทางกลุ่มใหญ่ได้คิดว่าถ้าจะอยู่ร่วมกันแล้ว จะใช้วิธีการรวบรัดแบบนี้ มันทำให้ประชาชนทราบเลยว่าวุฒิสภาแห่งนี้มันจะกลับไปเป็นวุฒิสภาเหมือนเดิมใช้เสียงข้างมาก ไม่สนใจเสียงประชาชน ไม่ยึดโยงอยู่กับประชาชน คิดว่าการแสดงออกอย่างนี้น่าจะทำให้กลุ่มใหญ่ได้ตระหนักว่าการกระทำของเขามันจะไม่ถูกยอมรับจาก สว.อิสระ

ต่อกรณีที่ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลเรื่องการเป็นเผด็จการวุฒิสภาหรือไม่ นันทนา ระบุว่าตอนนี้เป็นแล้ว

อังคณา ระบุว่า หากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมันก็จะกลับไปเป็นแบบนั้นได้ และต้องขอโทษประชาชนอย่างได้เรียนว่าทำอย่างเต็มที่แล้ว อดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุดแล้ว ในเมื่อการนั่งต่อไปไม่ได้เกิดประโยชน์ และรับรองความชอบให้กับสิ่งที่เราไม่เห็นด้วย เราก็ใช้วิถีทางสันติวิธี