รัฐบาลจีนทำลายพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ในทิเบต-เกณฑ์บังคับพระสงฆ์ชาวบ้านมาดูแล้วทุบตี

สำนักข่าวต่างประเทศตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียม พบว่าทางการจีนทำลายพระพุทธรูปในเขตปกครองตนเองชนชาติทิเบตคาร์ดเซ (ก่านซี) ในมณฑลเสฉวน ซึ่งอยู่ติดกับเขตการปกครองตนเองทิเบต และบังคับให้พระรวมถึงชาวทิเบตที่อยู่อาศัยในพื้นที่มาดูการทำลายพระพุทธรูปด้วยตาตนเอง ด้านแหล่งข่าวซึ่งเป็นชาวทิเบตพลัดถิ่นระบุว่าการกระทำของทางการจีน "เหมือนการปฏิวัติวัฒนธรรมยุคเหมา" 

13 ม.ค. 2565 เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนในมณฑลเสฉวนบังคับให้พระและชาวบ้านทิเบตยืนดูพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ของตนเองถูกทุบทำลายลงต่อหน้าต่อตาพร้อมกันถึง 2 แห่ง หลังอ้างว่าพระพุทธรูปมีความสูงเกินกว่ากำหนดและไม่มีทางหนีไฟ ทั้งที่รัฐบาลจีนเป็นผู้อนุมัติให้สร้างเอง ล่าสุด พระทิเบตถูกทุบตีและจับกุมในข้อหาส่งข่าวการทำลายพระพุทธรูปให้กับโลกภายนอก ชาวบ้านวิจารณ์จีนอ้างระเบียบ แต่แท้จริงต้องการกวาดล้างชาวพุทธทิเบต

สำหรับพระพุทธรูปองค์แรกมีความสูง 99 ฟุต ตั้งอยู่ที่อำเภอดราโก (หลูฮั่ว ในภาษาจีน) เขตปกครองตนเองชนชาติทิเบตคาร์ดเซ (ก่านซี) ในมณฑลเสฉวน ซึ่งอยู่ติดกับเขตการปกครองตนเองทิเบต นอกจากพระพุทธรูปดังกล่าวจะถูกทุบทำลายแล้ว เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจีนยังพังกงล้อธรรมจักรอีก 45 วงที่สร้างไว้สำหรับนักเดินทางแสวงบุญและพุทธศาสนิกชนที่มาสักการะด้วย

สำนักข่าวเรดิโอฟรีเอเชีย ยืนยันความถูกต้องของข้อมูลด้วยการวิเคราะห์ภาพถ่ายจากดาวเทียมพาณิชย์เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา จากภาพดาวเทียมพบว่าสถานที่ที่เคยเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวทิเบตและพระพุทธรูป ปัจจุบันมอดไหม้จนเหลือแต่ซากปรักหักพัง แหล่งข่าวระบุเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจีนบังคับให้พระและชาวทิเบตที่อาศัยอยู่ในเมืองละแวกใกล้เคียงมายืนดูการทำลายพระพุทธรูปทั้ง 2 องค์ในวันที่ 12 ธ.ค. 2564 และใช้เวลาการทุบทำลายต่อมาอีกประมาณ 9 วัน

“ชาวทิเบตจากหมู่บ้านอื่นๆ ถูกบังคับให้มาดูการทุบทำลายด้วย ตำรวจหลายคนถูกส่งมาเพื่อให้มั่นใจว่าผู้สังเกตการณ์จะไม่ถ่ายภาพ หรือวิดิโอ หรือก่อความวุ่นวายอื่นๆ” ชาวทิเบตคนหนึ่งในอินเดียกล่าว แต่ขอไม่ให้ระบุนามเนื่องจากต้องการคุ้มครองความปลอดภัยของสมาชิกครอบครัวที่ยังอาศัยอยู่ในเมืองดราโก

“เหมือนกับการปฏิวัติวัฒนธรรม (ค.ศ.1966-1976) ตอนที่รัฐบาลจีนทำลายทุกอย่างที่เก่าแก่ในทิเบตจนหมด” เขากล่าว

“นอกจากพระพุทธรูปแล้ว กงล้อธรรมจักรที่สร้างขึ้นใกล้กับวัดดราโกก็ถูกทำลายแล้ว และวิธีที่พวกเขาทำการทุบทำลายนั้นถือเป็นการหยามเกียรติมาก” ชาวทิเบตอีกคนที่อาศัยในอินเดียกล่าว แต่ขอไม่ให้ระบุนามเพื่อความปลอดภัยของแหล่งข่าวของเขาเช่นเดียวกัน

2 จุดที่มีการทำลายพระพุทธรูปและกงล้อธรรมจักรในอำเภอดราโก
(ภาพก่อนการทำลาย จาก Google Maps บันทึกหน้าจอเมื่อ 13 ม.ค. 2564)
 

หวัง​ ตง​ เชิง นายอำเภอ อ.ดราโก และผู้สั่งให้ทุบทำลายพระพุทธรูปดังกล่าว เคยเป็นผู้รับผิดชอบในการทำลายโรงเรียนพุทธลารังกา ซึ่งเป็นโรงเรียนพุทธทิเบตในมณฑลเสฉวนที่มีการขยายสาขาเป็นวงกว้าง ส่งผลให้พระและแม่ชีถูกขับไล่กว่าหลายพันคน และมีการเผาบ้านเรือนอีกด้วย

“ตอนนี้เรากำลังเห็นการทำลายล้างรูปแบบเดียวกันที่นี่ในดราโก และการลิดรอนสิทธิชาวทิเบตในภูมิภาคนี้อีกด้วย” แหล่งข่าวระบุ

แหล่งข่าวระบุเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันยังไม่มีการแจ้งว่าการทุบทำลายพระพุทธรูปจะเสร็จลงเมื่อใด “แต่เป็นข้อเท็จจริงว่าตอนนี้พระพุทธรูปถูกทำลายเกือบหมดแล้ว และชาวบ้านทิเบตถูกบังคับให้ดูเหตุการณ์เหล่านี้ โดยเจ้าหน้าที่บอกว่าการทำแบบนี้จะเป็นการสั่งสอนชาวทิเบต”

พระพุทธรูปใน อ.ดราโก สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2558 ได้รับการบริจาคจากชาวทิเบตผู้มีจิตศรัทธาที่อาศัยอยู่ในเขตดังกล่าว ซึ่งรวบรวมเงินได้กว่า 40 ล้านหยวน (หรือประมาณ 200 ล้านบาท) นอกจากนี้ ปาลเดน อดีตผู้อาศัยในอำเภอดราโก ซึ่งปัจจุบันเขาอาศัยอยู่ในอินเดีย กล่าวว่า พระพุทธรูปดังกล่าวยังถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวด้วย และการสร้างก็ได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเอง พร้อมเสริมว่าเจ้าหน้าที่ถอนการอนุมัติในเวลาต่อมาและบอกว่าพระพุทธรูปมีความสูงมากเกินไป

“แต่ในความเป็นจริงแล้ว เจตนาของพวกเขาคือการทำลายอัตลักษณ์ของทิเบตให้สิ้นซาก ด้วยการกวาดล้างศาสนาและวัฒนธรรมของชาวทิเบต” เขากล่าว

ทำลายพระศรีอาริยเมตไตรย

หลังทำลายพระพุทธรูปองค์แรกแล้ว เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนดำเนินการทำลายพระพุทธรูปองค์ที่สอง ซึ่งเป็นที่สักกะระของชาวทิเบตไม่แพ้กัน กล่าวคือเป็นพระพุทธรูปพระศรีอาริยเมตไตรยสูงสามชั้น ซึ่งชาวทิเบตเชื่อว่าเป็นพระพุทธเจ้าที่จะมาประสูติในอนาคต

สำหรับการทุบทำลายพระพุทธรูปองค์ที่ 2 นั้น เกิดขึ้นในวันเดียวกัน (12 ธ.ค. 2564) และดำเนินต่อไปเป็นเวลาอีก 9 วัน สำนักข่าวเรดิโอเอเชีย ยืนยันความถูกต้องของข้อมูลด้วยภาพถ่ายจากดาวเทียมพาณิชย์แล้ว และมีการบังคับให้พระและชาวบ้านมายืนดูพระพุทธรูปของตัวเองมลายหายไปต่อหน้าต่อตาเช่นเดียวกัน

“เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนอ้างเหตุผลอย่างไม่น่าเชื่ออีกครั้งในการทุบทำลายครั้งนี้ โดยกล่าวว่าไม่มีทางหนีไฟในวัดซึ่งเป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปพระศรีอาริยเมตไตรยสูงสามชั้น แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่ฟังขึ้นเลย” แหล่งข่าวระบุ โดยขอไม่เปิดเผยชื่อเพื่อปกป้องแหล่งข้อมูลของเขาในดราโก 

“รัฐบาลจีนยังคงกลืนศาสนาของทิเบตให้เป็นของจีน ด้วยการไม่อนุญาตให้ชาวทิเบตมีเสรีภาพในการนับถือศาสนาตามศรัทธาของตน” แหล่งข่าวระบุ

ในรอบนี้ หวังตงเชิง เป็นผู้ลงพื้นที่มาดูแลด้วยตัวเอง และเฝ้ามองตำรวจทุบตีชาวทิเบตที่ขัดขืนต่อการทุบทำลายพระพุทธรูปดังกล่าวด้วย จากคำบอกเล่าของชาวบ้านในพื้นที่

“การโจมตีชาวทิเบตอย่างทารุณยังคงดำเนินต่อไปในดราโก และแหล่งข่าวในทิเบตระบุว่าพวกเขาเคยเห็นหวัง ตง เชิง มีส่วนร่วมในกิจกรรมเหล่านี้ด้วย” แหล่งข่าวอีกคนระบุกับสำนักข่าวเรดิโอฟรีเอเชีย และขอไม่เปิดเผยชื่อเพื่อปกป้องคนรู้จักในพื้นที่เช่นกัน

เทนซิน เลคเชย์ โฆษกของธรรมศาลา ซึ่งเป็นรัฐบาลพลัดถิ่นของทิเบตที่ตั้งอยู่ในอินเดีย หรือองค์การบริหารส่วนกลางทิเบต ระบุกับเรดิโอฟรีเอเชียว่า การที่จีนยังคงรุกล้ำเสรีภาพในการนับถือศาสนาของชาวทิเบต จะทำให้จีนปกครองพื้นที่ของทิเบตมีปัญหาซับซ้อนขึ้นอีก

“พฤติกรรมการใช้กำลังของรัฐบาลจีนในดราโกเช่นนี้ แสดงให้เห็นการละเมิดสิทธิชาวทิเบตและศาสนาของชาวทิเบตโดยรัฐบาลอย่างชัดเจน และองค์การบริหารส่วนกลางทิเบตขอแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในดราโก” เทนซิน กล่าว

พระส่งข่าวถูกทำร้ายร่างกาย

เจ้าหน้าที่ในภาคตะวันตกของมณฑลเสฉวนทำการทุบตีและจับกุมพระทิเบตที่ต้องสงสัยว่าเป็นผู้แจ้งข้อมูลให้กับคนภายนอก เกี่ยวกับการรื้อถอนพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์

แหล่งข่าวรายงานเมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมาว่า พระทิเบตกว่า 11 รูปจากวัดกาเดน นามกะยาล ลิง ในอำเภอดราโก เขตปกครองตนเองชนชาติทิเบตคาร์ดเซ ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนแล้ว หลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าส่งข่าวและรูปการทุบทำลายพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ให้กับแหล่งข่าวนอกพื้นที่ โดยข่าวนี้ต้นฉบับถูกเผยแพร่ครั้งแรกที่สำนักข่าวเรดิโอฟรีเอเชีย

“ขณะนี้ เราได้รับแจ้งว่า ลาโม ยางคยี, เซอริง ซามดรับ และพระชาวทิเบตอีก 4 รูปถูกจับกุมในข้อหาติดต่อสื่อสารกับคนที่อาศัยอยู่นอกทิเบต” แหล่งข่าวระบุ โดยอ้างจากคนรู้จักในอำเภอดราโก และขอไม่ระบุนามเหตุผลเพื่อความปลอดภัย

“และเมื่อไม่กี่วันก่อนเริ่มการทำลายพระพุทธรูป หลวงพ่อเพลกา นยิมา และพระสงฆ์ทาชิ ดอร์เจ พระผู้ช่วย พร้อมด้วยนยิมาจากวัดในดราโกก็ถูกควบคุมตัว โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนบอกว่าพวกเขาต้องถูกสั่งสอน”

“พระเหล่านี้ถูกทุบตีอย่างโหดเหี้ยมทารุณ และไม่ได้รับอาหารเลยในเรือนจำ และพระองค์หนึ่งถูกทุบตีอย่างรุนแรงมากจนตาข้างหนึ่งบาดเจ็บสาหัส และหลังจากพวกเขาอ้างถึงทัศนคติไม่แยแสของชาวทิเบต เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนยังบังคับให้พระสงฆ์เหล่านั้นยืนอยู่ข้างนอกโดยไม่ใส่เสื้อผ้าในสภาพหนาวเหน็บ” แหล่งข่าวระบุ

นอกจากการทุบตีพระอย่างทารุณแล้ว แหล่งข่าวพลัดถิ่นยังระบุด้วยว่าขณะนี้มีการประกาศระเบียบใหม่หลังจากการรื้อถอนพระพุทธรูปดังกล่าวด้วย

“ชาวบ้านทิเบตถูกสั่งห้ามไม่ให้แขวนธงอธิษฐานไว้นอกประตูบ้าน และเตาผิงที่บางครั้งถูกใช้สำหรับพิธีชำระล้างก็ถูกทำลายด้วย” แหล่งข่าวระบุ

“ตำรวจจีนกำลังทุบตีชาวทิเบตด้วยข้ออ้างไร้เหตุผล เช่น ไม่แสดงออกสีหน้าให้เหมาะสม ชาวทิเบตบางคนหมดสติและบางคนถูกสั่งให้ยืนอยู่ในอากาศหนาว ก่อนจะถูกปล่อยตัวออกมาโดยไม่มีคำอธิบาย” แหล่งข่าวระบุ

สหรัฐฯ แสดงความกังวล

กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาแสดง “ความกังวลอย่างยิ่ง” ต่อรายงานเกี่ยวกับการทำลายพระพุทธรูปดังกล่าว

“เราขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนเคารพสิทธิมนุษยชนของชาวทิเบต และรักษาสภาพแวดล้อมของชาวทิเบต รวมไปถึง อัตลักษณ์ทางศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม ตามขนบธรรมเนียมของชาวทิเบตด้วย” กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอเมริกากล่าว

“เราจะทำงานร่วมกับหุ้นส่วนและพันธมิตรของเราเพื่อกดดันปักกิ่งให้ยุติการล่วงละเมิดชาวทิเบตซึ่งกำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน และกดดันให้รัฐบาลจีนกลับมาเจรจาโดยตรงกับดาไลลามะ หรือผู้แทนชาวทิเบตของพระองค์อย่างไม่มีเงื่อนไข เพื่อหาทางออกให้กับความขัดแย้งต่างๆ”

โซฟี ริชาร์ดสัน ผู้อำนวยการด้านประเทศจีนขององค์การฮิวแมนไรซ์วอชท์ซึ่งตั้งอยู่ที่นครนิวยอร์ก กล่าวเสริมว่าการทำลายพระพุทธรูปและปราบปรามชาวทิเบตที่ส่งข่าวเกี่ยวกับการทำลายพระพุทธรูปดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า “ผู้ศรัทธาในศาสนาไม่สามารถพึ่งพาความคุ้มครองทางกฎหมายหรือความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญเพื่อปกป้องศรัทธาของตนเองได้”

ปัจจุบันประเทศจีนอยู่ในช่วงที่ “อุดมการณ์ชาตินิยมสุดโต่งและรัฐนิยมให้อำนาจแก่รัฐและมองประชาสังคมด้วยความหวาดระแวงและเกลียดชัง” ริชาร์ดสัน กล่าว

แปลและเรียบเรียงจาก:

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท