Skip to main content
sharethis

หลังการรัฐประหารในพม่าเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ส่งผลกระทบทำให้เกิดผู้พลัดถิ่นภายในประเทศเนื่องจากการสู้รบ และการที่กลุ่มคนทำงานสาธารณสุขถูกปราบปรามเพราะขัดขืนไม่ยอมทำงานให้เผด็จการ เป็นสาเหตุที่ส่งผลทำให้เด็กในพม่านับล้านรายไม่ได้รับวัคซีนที่จำเป็น เช่น โรคหัด คอตีบ หรือโปลิโอ เสี่ยงต่อการติดโรคและทำให้เกิดการระบาดหนักได้


การให้วัคซีนในพม่าเมื่อปี 2561 | ที่มาภาพ: UNICEF

Ma Naw เป็นผู้อาศัยอยู่ในเมือง Palaw ทางตอนใต้ของภูมิภาค Tanintharyl ของพม่า เธอกำลังเป็นห่วงในเรื่องสุขภาพของลูกสาวอายุ 1 เดือนของเธอ ซึ่งไม่ได้รับวัคซีนต่อต้านโรคร้ายแรงแบบเดียวกับที่ลูกอีกสองคนได้รับ ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการให้วัคซีนที่จำเป็นเหล่านี้กับเด็กแรกเกิด

สาเหตุของเรื่องนี้เป็นเพราะว่ามีการสู้รบระหว่างกองทัพเผด็จการทหารกับกองกำลังต่อต้านเผด็จการ และในระยะเวลาอันใกล้นี้มีโอกาสน้อยมากที่ ลูกคนเล็กของ Ma Naw จะได้รับวัคซีนภูมิคุ้มกัน ทำให้ Ma Naw รู้สึกกังวลว่าลูกสาวของเธอจะติดโรคร้ายแรง

เด็กแรกเกิดนั้นควรจะได้รับวัคซีนต้านทานวัณโรคและไวรัสตับอักเสบบี รวมถึงวัคซีนที่ป้องกันโรคคอตีบ, บาดทะยัก และโรคไอกรน ด้วย จากนั้นเด็กก็ควรจะได้รับวัคซีนอื่นๆ คือ วัควีนป้องกันโรคหัด, โรคหัดเยอรมัน, โปลิโอ, ไข้สมองอักเสบเจอี และ โรคปอดบวม

Ma Naw ไม่สามารถเดินทางไปยังจุดรับวัคซีนที่ใกล้ที่สุดในเมือง Palaw ได้ เพราะมีการสู้รบกันระหว่างกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) กับกองกำลังเผด็จการทหาร

Ma Soe ผู้พลัดถิ่นภายในประเทศจากเมือง Moebye ในทางตอนใต้ของรัฐฉาน เธอเป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่สามารถพาทารุกแรกเกิดของเธอไปรับวัคซีนได้ ถึงแม้ว่าจะคลอดลูกมาแล้ว 45 วัน

Ma Soe กล่าวว่า ผู้คนหนีตายจากการสู้รบทำให้เธอไม่สามารถพาลูกไปรับวัคซีนได้ และไม่มีใครเดินทางมาให้วัคซีนที่ค่ายพักพิงผู้พลัดถิ่นที่เธออาศัยอยู่

สิ่งที่เกิดขึ้นกับ Ma Naw และ Ma Soe สะท้อนให้เห็นการล่มสลายของระบบสาธารณสุขเด็กที่เกิดขึ้นในพม่าหลังจากที่มีการรัฐประหารปี 2564

จากข้อมูลของกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ ระบุว่าจากประชากรเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ในพม่า 4.4 ล้านราย มีเกือบ 1 ล้านรายที่ไม่ได้รับวัคซีนในปี 2564 มีเด็กจำนวนประมาณร้อยละ 22 ในพม่าที่ไม่ได้รับวัคซีนอะไรเลย อีกทั้งยังไม่สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพขั้นพื้นฐานได้นับตั้งแต่ที่กองทัพรัฐประหารยึดอำนาจ ทำให้เด็กในพม่าหลายล้านรายมีความเสี่ยงที่จะติดโรคร้ายแรง

การล่มสลายของระบบสาธารณสุขพม่า

ในช่วงที่พม่ายังคงปกครองภายใต้รัฐบาลพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ เอ็นแอลดี (NLD) มีการให้วัคซีนแก่เด็ก 9 ตัวเพื่อป้องกันโรครวม 13 โรค ซึ่งเป็นโรคร้ายแรงที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่ของเด็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยที่กระทรวงสาธารณสุขภายใต้รัฐบาลเอ็นแอลดีเคยระบุไว้ว่าในตอนนั้นมีเด็กที่เป็นเป้าหมายราวร้อยละ 90 ได้รับวัคซีน รวมถึงเด็กที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ปกครองโดยชนกลุ่มน้อยอย่าง รัฐกะเหรี่ยง และรัฐกะยา ด้วย

แต่ไม่นานหลังจากเกิดการรัฐประหาร กลุ่มคนทำงานสาธารณสุขเป็นคนทำงานกลุ่มแรกๆ ที่เข้าร่วมกับขบวนการอารยะขัดขืน (CDM) และทำการผละงาน ปฏิเสธที่จะทำงานให้กับรัฐบาลเผด็จการ ถึงแม้ว่าเผด็จการทหารจะตั้งเป้าโจมตีกลุ่มคนทำงานสาธารณสุขที่หยุดงานประท้วง แต่โรงพยาบาลของรัฐและศูนย์บริการสาธารณสุขจำนวนมากก็ยังคงปิดทำการ และยังคงมีการสนับสนุนขบวนการอารยะขัดขืน

กระทรวงสาธารณสุขของรัฐบาลเงา NUG ที่ต่อต้านเผด็จการทหารระบุว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีคนทำงานสาธารณสุขอย่างน้อย 70 ราย ที่ถูกสังหาร และมีจำนวนอีก 936 รายที่ถูกคุมขัง

Htar Htar Lin ผู้อำนวยการของโครงการฉีดวัคซีนภายใต้รัฐบาลพรรคเอ็นแอลดี เป็นหนึ่งในคนที่ถูกเผด็จการทหารจับกุมตัวและถูกลงโทษจำคุก 7 ปี มีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จำนวนมากที่เข้าร่วมกับขบวนการ CDM และยังคงหลบซ่อนตัวอยู่เพราะกลัวถูกจับกุม

จากสถานการณ์หลังรัฐประหารเช่นนี้ ทำให้แม้แต่เด็กที่อาศัยอยู่ในเมืองก็ไม่สามารถรับวัคซีนได้ครบทุกชนิด ยิ่งเป็นเด็กที่อาศัยอยู่ในที่กันดารก็ประสบปัญหาในระดับที่แย่กว่า เช่น ในค่ายพักพิงผู้พลิดถิ่น ตามชายแดน และตามพื้นที่ห่างไกลของเขตพื้นที่กลุ่มชาติพันธุ์

มีหมอรายหนึ่งที่เข้าร่วมขบวนการอารยะขัดขืนบอกว่า ในช่วงที่เอ็นแอลดีเป็นรัฐบาลนั้นเด็กๆ ไม่เพียงแค่ได้รับวัคซีนที่ควรได้รับทั่วไปเท่านั้นแต่ยังได้รับวัคซีนป้องกันโรคท้องร่วงรุนแรงด้วย แต่หลังจากที่มีการรัฐประหารเด็กๆ ก็ไม่ได้รับวัคซีนอีก หมอรายนี้บอกว่า "นี่คือสถานการณ์ในแบบที่ระบบสาธารณสุชล่มสลายอย่างสิ้นเชิง"

กระทรวงสาธารณสุขของ NUG บอกว่า มีเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปีเกือบ 500,000 ราย ที่ไม่ได้รับวัคซีน และมีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี จำนวนมากในพม่าที่กำลังเสี่ยงติดโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน

Ko Nay คนที่คอยช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นในประเทศพม่าที่ภูมิภาคซะไกง์พูดถึงปัญหานี้ว่า พวกเขาไม่สามารถนำตัวคนจากค่ายผู้พลัดถิ่นไปรับวัคซีนได้ ซะไกง์เป็นหนึ่งในฐานที่มั่นของกลุ่มต่อต้านเผด็จการทหารพม่า มีประชาชนหลายแสนรายหนีตายจากการที่เผด็จการทหารก่อเหตุปล้นชิงและเผาบ้านเรือนประชาชน มีหมู่บ้านถูกเผาเป็นจำนวนมาก และผู้คนที่หนีเอาชีวิตรอดมีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีอยู่ด้วย ทำให้ Ko Nay ประเมินว่าถ้าหากเกิดโรคระบาดขึ้นมันจะควบคุมได้ยาก

ผลพวงจากการล่มสลายของสาธารณสุข

จากการสำรวจถึงเมื่อเดือน มี.ค. 2566 มีผู้พลัดถิ่นในพม่าเพราะความขัดแย้งรวมแล้ว 1.7 ล้านราย กระทรวงสาธารณสุขของรัฐบาลเงา NUG ระบุว่า เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ที่ไม่ได้รับวัคซีนอาจจะติดโรคระบาดที่ส่งผลให้เกิดการระบาดหนักในระดับภูมิภาคได้ และอาจจะมีกรณีการเสียชีวิตจากโรคที่แพร่ได้ง่ายอย่างโรคหัด และโรคอื่นๆ อย่างโปลิโอ

ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์กล่าวว่าถ้าหากเด็กไม่ได้รับวัคซีนเป็นเวลามากกว่า 3 ปี แล้วมีการระบาดของโรคหัดเกิดขึ้นก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นการระบาดในระดับภูมิภาคได้

นอกจากนี้แล้วการที่ค่ายคนพลัดถิ่นมีประชากรอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างหนาแน่น ที่พักอาศัยไม่เหมาะสมขาดแคลนน้ำดื่ม ขาดแคลนอาหารและยาในระดับพื้นฐาน ก็ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการระบาดของโรคได้อีกด้วย

นอกจากโรคหัดแล้วหมอยังประเมินว่าการไม่ได้รับวัคซีนยังเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการกลับมาของโรคโปลิโอได้ และการระบาดของโรคอย่าง โรคคอตีบ, ไอกรน, บาดทะยัก ก็อาจจะส่งผลให้เด็กเสียชีวิตได้อีกด้วย โดยที่โรคเหล่านี้มีโอกาสระบาดในช่วง 1-5 ปี หลังจากนี้

ยูนิเซฟ ก็ได้เตือนในแบบเดียวกันว่า เด็กในพม่าจำนวนมากเสี่ยงต่อการติดโรคระบาดเพราะมีการรับวัคซีนน้อย และเรียกร้องให้มีการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กอย่างเร่งด่วน

แต่ก็ดูเหมือนว่าเผด็จการทหารจะไม่ได้สนใจเรื่องการสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กเลย ทั้งๆ ที่กระทรวงสาธารณสุขของเผด็จการทหารเป็นผู้ควบคุมเรื่องการแจกจ่ายยารวมถึงวัคซีนทั่วประเทศ นอกจากนี้แล้วการที่เผด็จการทหารโจมตีด้วยกำลังต่อเป้าหมายโรงพยาบาลในเขตพื้นที่ของฝ่ายต่อต้านเผด็จการยังทำให้เกิดความยากลำบากในการที่รัฐบาลเงาและกองกำลังชาติพันธุ์จะให้ความช่วยเหลือในเรื่องระบบสาธารณสุขต่อประชาชนด้วย

เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเงา NUG แถลงว่าถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีความยากลำบากแต่ทางกระทรวงสาธารณสุขก็กำลังทำงานร่วมกับกลุ่มด้านสาธารณสุขขององค์กรชาติพันธุ์ในการทำโครงการเพื่อทำให้เด็กได้รับวัคซีน

Ma Naw แม่ของเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีนบอกว่า เธอหวังให้โครงการดังกล่าวของ NUG เกิดขึ้นโดยเร็ว "เรื่องนี้ไม่ควรถูกเพิกเฉย เพราะว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับอนาคตเด็กๆ ของพวกเรา"  Ma Naw กล่าว


เรียบเรียงจาก
Millions of Unvaccinated Myanmar Children at Risk of Disease, The Irrawaddy, 29-05-2023

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net