สว. นันทนา ชี้ ที่ประชุมกมธ.วิสามัญฯ วุฒิสภาครั้งที่ 5 พลิกลิ้นไม่เห็นด้วยกับหลักเกณฑ์ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ฉบับ สส. เสนอทบทวนการใช้หลักการ single majority ที่ยึดหลักใช้เสียงข้างมากปกติ มาเป็นลงประชามติแบบ double majority ที่ต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งสองชั้น อาจเป็นอุปสรรคขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญ โดยใช้การทำประชามติเป็นเครื่องมือ

25 ก.ย. 2567 สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภารายงาน นันทนา นันทวโรภาส สว. และรองโฆษกกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... วุฒิสภา ตั้งข้อสังเกตเสียงกรรมาธิการวิสามัญฯ ของวุฒิสภา หลังประชุมผ่านมาเป็นครั้งที่ 5 มี 17 ต่อ 1 เสียงให้ทบทวนมติเพราะเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ที่สภาผู้แทนราษฎร (สส.) เสนอให้ใช้หลักการของ single majority ที่ยึดหลักใช้เสียงข้างมากปกติ

กมธ.วิสามัญฯ ส่อพลิกให้ใช้การลงประชามติแบบ double majority คือ เสียงเกินกึ่งหนึ่งสองชั้น ที่หมายความว่า จะผ่านประชามติได้ ขั้นแรกผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องมาออกเสียงประชามติเกินกึ่งหนึ่ง และขั้นที่สองคือผลการออกเสียงประชามติต้องได้เสียงต้องเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิออกเสียง

นันทนามองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปรากฏการณ์ที่ผิดปกติ เพราะการประชุม 4 ครั้งก่อนหน้านี้ เห็นตรงกันว่าการทำประชามติควรใช้หลัก single majority ซึ่งประชาชนเข้าถึงง่ายและเป็นจริงมากสุด แต่วันนี้กลับมีมติพลิกมาใช้หลักของ double majority ซึ่งเป็นอุปสรรค ไม่ว่าจะทำประชามติเดี่ยวหรือเป็นคำถามพ่วงก็ตาม เป็นวิธีที่ทำให้การออกเสียงไม่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากหากผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาใช้สิทธิออกเสียงประชามติไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ประชามติก็ไม่เกิดขึ้น

นันทนาอธิบายเพิ่มเติมว่า หากวุฒิสภาไม่เห็นชอบกับร่างของสภาผู้แทนราษฎรจะต้องมีการตั้งกรรมาธิการร่วมกันของสองสภา ใช้เวลาต่อไปอีกอย่างน้อย 60 วัน ยิ่งให้ยืดเยื้อ ไม่ทันการเลือกท้องถิ่นในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า เสมือนเป็นการขวางการแก้รัฐธรรมนูญ โดยอาศัยการทำประชามติเป็นเครื่องมือขัดขวาง