Published on ประชาไท Prachatai.com (https://prachatai.com)

Home > รพ.สต.คลองสวนพลู เดินหน้านโยบาย ‘ย้ายหน่วยบริการเกิดสิทธิทันที’ > รพ.สต.คลองสวนพลู เดินหน้านโยบาย ‘ย้ายหน่วยบริการเกิดสิทธิทันที’

รพ.สต.คลองสวนพลู เดินหน้านโยบาย ‘ย้ายหน่วยบริการเกิดสิทธิทันที’

Submitted by user007 on Thu, 2021-02-18 21:15

รพ.สต.คลองสวนพลู เดินหน้านโยบาย ‘ย้ายหน่วยบริการเกิดสิทธิทันที’ ใช้ E-Form ลดเอกสาร-ขั้นตอน อำนวยความสะดวกประชาชน สปสช.จัดสัปดาห์ธรรมาภิบาล ขับเคลื่อนองค์กรโปร่งใส มุ่งพัฒนาหลักประกันสุขภาพประชาชน

 

18 ก.พ.2564 ทีมสื่อ สปสช. รายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา คณะผู้บริหารสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นำโดย ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. ลงพื้นที่เยี่ยมชมการดำเนินงาน “การลงทะเบียนสิทธิเกิดทันทีไม่ต้องรอ 15 วันด้วยระบบ E-Form” ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คลองสวนพลู จ.พระนครศรีอยุธยา ตามนโยบายยกระดับบริการระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ของ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข (สธ.) เพื่อแก้ไขปัญหาในการเข้ารับบริการของประชาชน นอกจากนี้ยังลดเอกสาร-ขั้นตอนหน่วยบริการ  

สำหรับในอดีต เมื่อประชาชนลงทะเบียนในระบบบัตรทองหรือลงทะเบียนย้ายหน่วยบริการ จำเป็นต้องรอให้ถึงวันที่ 15 หรือ 28 ของเดือน จึงจะเกิดสิทธิ แต่ในปัจจุบันเมื่อประชาชนลงทะเบียนแล้วจะเกิดสิทธิทันที และสามารถไปรับบริการที่หน่วยบริการใหม่ได้โดยไม่ต้องรอ 15 วัน 

คมสัน แสงเพลิง ผู้อำนวยการ รพ.สต.คลองสวนพลู เปิดเผยว่า การลงทะเบียนสิทธิเกิดทันทีไม่ต้องรอ 15 วัน ผ่านระบบ E-Form ทำให้ประชาชนสะดวกสบายขึ้น จากเดิมที่ต้องยื่นเอกสารตรวจสอบสิทธิ พร้อมเขียนใบคำร้อง ลงลายมือชื่อ และต้องย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาในพื้นที่ แต่ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ยื่นบัตรประชาชนเพื่อใช้พิสูจน์ตัวตนเท่านั้น ทำให้โรงพยาบาลไม่ต้องเก็บเอกสาร ช่วยทำให้รวดเร็ว ประหยัดเวลา และเจ้าหน้าที่ทำได้ทุกคน  

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 ที่เริ่มประกาศใช้นโยบาย พบว่าสถิติการลงทะเบียนเพิ่มมากขึ้น โดยที่ รพ.สต.คลองสวนพลู มีผู้ขอย้ายสิทธิแล้วประมาณ 200 คน ขณะที่ทั้ง จ.พระนครศรีอยุธยา มีแล้วเกือบประมาณ 1,000 คน โดยหลังจากนี้จะเน้นย้ำในเรื่องของการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนได้มีหลักประกันสุขภาพและสามารถใช้ประโยชน์ได้  

นพ.พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เนื่องจาก จ.พระนครศรีอยุธยา มีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่จำนวนมาก มีการเคลื่อนย้ายประชากสูง การเปิดให้ย้ายสิทธิทางแอปพลิเคชันผ่านมือถือจึงสร้างความสะดวกให้พี่น้องประชาชนไม่จำเป็นต้องเดินทางมาย้ายสิทธิที่ รพ.สต. 

“นโยบายดังกล่าวถือเป็นระบบ New normal ที่จะลดความเสี่ยงต่อโรคโควิด – 19 โดยที่ประชาชนไม่จำเป็นต้องมาแออัดอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งถ้าประชาชนได้เข้าใจระบบการย้ายสิทธิทางแอปพลิเคชันก็จะทำให้เกิดความสะดวกยิ่งขึ้น ส่วนตัวประทับใจ เนื่องจากอาการเจ็บป่วยไม่สามารถรอได้ การใช้ระบบใหม่ก็จะทำให้เกิดสิทธิทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนพึงพอใจ” นพ.พีระ กล่าว 

ด้าน ทพ.อรรถพร กล่าวว่า แนวทางในการ “ย้ายหน่วยบริการ เกิดสิทธิทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน” ได้เริ่มพร้อมกันทั่วประเทศแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2564 และเป็น 1 ใน 4 ของการพัฒนาระบบบริการในระบบบัตรทอง ที่จะช่วยลดขั้นตอนและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้ารับบริการให้กับประชาชน 

ทั้งนี้ ปกติแล้วระบบการลงทะเบียนบัตรทองจะเกิดสิทธิทุกวันที่ 15 และ 28 ของเดือน แต่ปัจจุบันประชาชนจะสามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการใหม่ได้ทันที หลังจากที่ได้มีการเปลี่ยนหน่วยบริการประจำ โดย สปสช.ได้พัฒนาระบบควบคุมกำกับ และจัดทำรายงานข้อมูลลงทะเบียนที่มีความผิดปกติและเสี่ยงพลการ เพื่อเตรียมความพร้อมให้นโยบายนี้เดินไปได้อย่างรัดกุม 

ทพ.อรรถพร กล่าวอีกว่า ประชาชนสามารถลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการ หรือขอเปลี่ยนหน่วยบริการประจำ แล้วเกิดสิทธิทันทีได้ทุกช่องทาง ทั้งการลงทะเบียนผ่านหน่วยบริการ ช่องทาง สปสช.เขต 13 กรุงเทพมหานคร (กทม.) รวมถึงกรณีที่ประชาชนเปลี่ยนหน่วยบริการเองผ่านแอปพลิเคชัน สปสช. ซึ่งใน 1 ปีประชาชนสามารถเปลี่ยนหน่วยบริการได้มากกว่า 1 ครั้ง แต่จะไม่เกิน 4 ครั้งต่อปีงบประมาณ 

อนึ่ง ข้อมูลเดือนมกราคม 2564 (29 ธ.ค. 2563 – 31 ม.ค. 2564) พบว่ามีประชาชนลงทะเบียนรวม 260,327 ครั้ง แบ่งเป็นการลงทะเบียนที่หน่วยบริการผ่านระบบ ERM รวม 239,181 ครั้ง ลงทะเบียนด้วยตนเองผ่าน MOBILE รวม 16,126 ครั้ง และลงทะเบียนที่หน่วยทะเบียน สปสช.เขต 13 กทม. รวม 5,020 ครั้ง 

  • ข้อมูลปี 61 คนไทยมีมือถือ 56.7 ล้านคน และมีเพียง 69.6% ที่เป็นสมาร์ทโฟน [1]

สปสช.จัดสัปดาห์ธรรมาภิบาล ขับเคลื่อนองค์กรโปร่งใส มุ่งพัฒนาหลักประกันสุขภาพประชาชน

วันเดียวกัน (17 ก.พ.64) นพ.สินชัย ต่อวัฒนกิจกุล ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานเปิดงาน “สัปดาห์ธรรมาภิบาล บอกรัก สปสช. ด้วยใจสุจริต” พร้อมเปิดนิทรรศการ โดยมีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สปสช. เข้าร่วม เพื่อแสดงพลังร่วมดำรงธรรมภิบาลในการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตที่เป็นการปกป้ององค์กร พร้อมร่วมกิจกรรมบอกรัก สปสช. โดยการเขียนความมุ่นตั้งใจที่จะปฏิบัติงานตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน และนำไปติดที่บอร์ดนิทรรศการรูปหัวใจ  

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ธรรมาภิบาล เป็นหลักการสำคัญของการบริหารจัดการที่ดี ทำให้เกิดความโปร่งใส สุจริต และก่อให้เกิดความไว้วางใจในการปฏิบัติงานร่วมกัน เป็นองคาพยพในการดำเนินงานขององค์กร ซึ่งรวมถึง สปสช. ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่มีภาระหน้าที่สำคัญในการดูแลประชาชนให้เข้าถึงการรักษาและบริการสุขภาพที่ดี  

จากการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ สปสช. ทุกคน ได้ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ยกระดับ สปสช. เป็น “องค์การมหาชนกลุ่มที่ 1 พัฒนาและดำเนินการตามนโยบายสำคัญของรัฐเฉพาะด้าน” จากเดิมที่ถูกจัดอยู่ในองค์การมหาชนกลุ่มที่ 3 บริการสาธารณะทั่วไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เสนอ สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับในทางสังคม และที่ผ่านมา สปสช. ยังถูกยอมรับในระดับสากลมากขึ้น ซึ่งจากนี้องค์กร สปสช. จะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น ทั้งหมดอยู่ที่พวกเราชาว สปสช. ทุกคน ที่จะรวมพลังเปรียบเสมือนมดงานในการทำงาน โดยมีธรรมาภิบาลเป็นหลักการสำคัญ    

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าว่า องค์กรที่มีการวางระบบธรรมาภิบาลอย่างเข้มแข็ง จะเป็นภูมิคุ้มกันในการป้องกันความผิดพลาดและปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจนส่งผลกระทบต่อองค์กร ที่ผ่านมา สปสช. ได้มีการวางระบบธรรมาภิบาลที่ดีและเข้มแข็ง แต่เพื่อให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น จำเป็นต้องมีการทบทวนการวางระบบธรรมาภิบาลในประเด็นต่างๆ อาทิ การจัดซื้อจัดจ้าง การตรวจสอบการเบิกจ่าย เป็นต้น ซึ่งการจัดงานในวันนี้จะเป็นโอกาสอันที่จะนำประเด็นเหล่านี้มาทบทวนจากนี้ ซึ่งจะทำให้องค์กร สปสช. มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น 

นพ.สินชัย กล่าวว่า ธรรมาภิบาลเป็นเรื่องที่พวกเรา สปสช. ตระหนักอยู่แล้ว และเป็นหลักสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร ซึ่งเลขาธิการ สปสช. และผู้บริหาร สปสช. ตลอดจนบุคลากรใน สปสช. ต่างให้ความสำคัญ การจัดงานนี้ถือเป็นการกระตุ้นเตือนเพื่อช่วยกันขับเคลื่อนระบบธรรมาภิบาล พร้อมปรับให้เป็นไปตามยุคสมัย ซึ่งวันนี้เป็นยุคดิจิตอล เชื่อว่าไม่เกินศักยภาพเรา เพื่อ สปสช. บรรลุเป้าหมายองค์กร       

ข่าว [2]
คุณภาพชีวิต [3]
ไอซีที [4]
บัตรทอง [5]
สปสช. [6]
ธรรมาภิบาล [7]
ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai

Source URL: https://prachatai.com/journal/2021/02/91749

Links
[1] https://prachatai.com/journal/2021/02/91540
[2] https://prachatai.com/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7
[3] https://prachatai.com/category/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95
[4] https://prachatai.com/category/%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5
[5] https://prachatai.com/category/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87
[6] https://prachatai.com/category/%E0%B8%AA%E0%B8%9B%E0%B8%AA%E0%B8%8A
[7] https://prachatai.com/category/%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5