การสำรวจล่าสุดพบสัดส่วนผู้จัดการหญิงในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็น 10.9% ทะลุ 10% เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แต่เมื่อเทียบกับมาตรฐานระดับโลกญี่ปุ่นยังคงล้าหลังอยู่ รวมทั้งยังห่างเป้าหมายที่รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งไว้ 30% ภายในช่วงทศวรรษ 2020 แม้บริษัทส่วนใหญ่เน้นการประเมินผลงานที่เท่าเทียม แต่มาตรการสนับสนุนการทำงานที่ยืดหยุ่นยังมีน้อย
29 ก.ย. 2024 การสำรวจบริษัท 27,191 แห่งทั่วญี่ปุ่นที่จัดทำโดย Teikoku Databank ในเดือน ก.ค. 2024 พบว่าอัตราส่วนผู้จัดการหญิงเพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 10.9% ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่การสำรวจเริ่มขึ้นในปี 2013 ที่ตัวเลขดังกล่าวเกิน 10% อย่างไรก็ตาม บริษัทที่ "มีผู้จัดการทั้งหมดเป็นผู้ชาย" ยังคงเป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุดที่ 43.0%
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
- ญี่ปุ่นหวังเพิ่ม 'ผู้หญิง' ใน 'การเมือง' ให้มากขึ้น หลังเลือกตั้งล่าสุดมี ส.ส. หญิงเพียง 9.7%
- 'เร็งโง' สหพันธ์แรงงานที่ทรงอิทธิพลของญี่ปุ่น เลือกผู้หญิงคนแรกเป็นประธาน
- ผลสำรวจคนทำงานเอกชนในญี่ปุ่น พบตำแหน่ง 'ผู้จัดการ' เป็น 'ผู้หญิง' เพียง 8.9%
- เผยคนทำงานภาครัฐในญี่ปุ่นตำแหน่ง ผอ. เป็นผู้หญิงเพียง 5.9% เท่านั้น
- ประธานบริษัทหญิงในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่ แต่ยังน้อยกว่า 10%
ทั้งนี้เป้าหมายของรัฐบาลญี่ปุ่นที่จะให้มีผู้หญิงดำรงตำแหน่งผู้บริหารในองค์กรอย่างน้อย 30% โดยเร็วที่สุดในทศวรรษ 2020 ยังห่างไกลจากความเป็นจริง เมื่อเทียบกับมาตรฐานระดับโลก ญี่ปุ่นยังคงล้าหลังอยู่ โดยอยู่ในอันดับที่ 118 จาก 146 ประเทศ ในรายงานความเท่าเทียมทางเพศของ World Economic Forum ประจำปี 2024
เมื่อพิจารณาตามขนาดบริษัท อัตราส่วนผู้จัดการหญิงสูงที่สุดในบริษัทขนาดเล็ก (14.4%) รองลงมาคือบริษัทขนาดกลางถึงเล็ก (11.5%) และบริษัทขนาดใหญ่ (7.6%) ส่วนในแง่ของอุตสาหกรรม ภาคการค้าปลีก ซึ่งมีพนักงานหญิงค่อนข้างมาก มีอัตราส่วนสูงสุดที่ 19.4% สูงกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมถึง 8.5% อุตสาหกรรมอื่นที่มีอัตราสูงได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ที่ 16.7% ภาคบริการที่ 15.3% และเกษตรกรรม ป่าไม้ และประมงที่ 12.7% ในทางตรงกันข้าม อุตสาหกรรมที่มีพนักงานหญิงน้อย เช่น การผลิต การขนส่งหรือคลังสินค้า และการก่อสร้าง มีผู้จัดการหญิงน้อยมาก
มาตรการที่ใช้ในการส่งเสริมความก้าวหน้าของพนักงานหญิงมากที่สุดคือ "การประเมินผลการปฏิบัติงานที่ไม่คำนึงถึงเพศ" ซึ่งกล่าวถึงโดย 61.2% ของบริษัทที่เข้าร่วมการสำรวจ ตามด้วย "การมอบหมายและการโพสต์งานที่ไม่คำนึงถึงเพศ" ที่ 50.6% และ "การทำให้ง่ายต่อการลาคลอดและดูแลผู้สูงอายุ" ที่ 32.8% มีเพียงประมาณหนึ่งในสี่ของบริษัทที่ดำเนินนโยบาย "การทำให้เวลาทำงานยืดหยุ่นมากขึ้น" หรือ "การลดชั่วโมงทำงาน" โดยอยู่ที่ 27.5% และ 27.1% ตามลำดับ ขณะเดียวกัน 17.5% ของบริษัทกำลังดำเนินการ "ส่งเสริมการลาคลอดและดูแลผู้สูงอายุสำหรับผู้ชาย" ซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาลสนับสนุนด้วย โดยมีการเพิ่มขึ้น 1.8 จุดเปอร์เซ็นต์จากปีก่อน
ที่มา:
Female Managers in Japan Remain Few and Far Between (nippon.com, 25 September 2024)
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)